"จีเอเบิล" จับมือซอฟต์แวร์ดังจากเบลเยียมส่งโซลูชั่น "ไอเอเอส39" เจาะตลาดแบงกิ้ง หลัง ธปท.กำหนดมาตรฐานบัญชีใหม่ทำให้แบงก์พาณิชย์ทุกแห่งต้องลงทุนปรับระบบไอทีใหม่ พร้อมขยายฐานลูกค้าระดับกลางชดเชยรายใหญ่ชะลอลงทุน ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 15% แตะ 6 พันล้านบาท
นายไตรรัตน์ ใจสำราญ กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทจีเอเบิล ผู้ให้บริการไอทีรายใหญ่ กล่าวว่า ปัจจุบันภาพการลงทุนของกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจอื่นๆ มีการชะลอตัวและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็มีสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของหน่วยงานกำกับดูแล ทำให้การลงทุนระบบไอทียังเป็น สิ่งจำเป็น ประกอบกับในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันธุรกิจมีการขยายตัวไม่มากจึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมกับการปรับเปลี่ยนระบบงานต่างๆ ดังนั้นปัจจุบันกลุ่มธนาคารจึงมีการลงทุนพัฒนาระบบไอทีให้สอดคล้องกับมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในอนาคต
ดังนั้นทางจีเอเบิลจึงได้ร่วมมือกับบริษัท FinArch ผู้ให้บริการระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการการเงินจากประเทศเบลเยียม เพื่อเสนอโซลูชั่น IAS39 (International Accounting Standard 39) รองรับการใช้มาตรฐานใหม่ของธนาคาพาณิชย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2554 พร้อมกับ่ต้องมีข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี ทำให้ธนาคารต้องเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่1 ม.ค.2552 ทำให้ปัจจุบันเริ่มเห็นสถาบันการเงินมากกว่าครึ่งเริ่มทยอยพัฒนาระบบไอทีให้สอดรับกับมาตรฐานไอเอเอส39
ทั้งนี้จีเอเบิลและ FinArch จะให้การสนับสนุนด้านการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ให้คำปรึกษาและบริการหลังการขายโซลูชั่น IAS39 และร่วมกับบริษัทดีลอยด์เพื่อวางพิมพ์เขียว IAS39 ให้กับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน 2 ราย ใกล้จะจบดีล ในเร็วๆ นี้ มูลค่าลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท
นายไตรรัตน์กล่าวอีกว่า ภาพรวมการลงทุนของตลาดคอร์ปอเรตปีนี้มีความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่เมกะโปรเจ็กต์ปีนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับไอทีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านอื่นมากกว่า
สำหรับแผนของจีเอเบิลจะเน้นรักษาฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่ ขณะเดียวกันจะหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เน้นองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก ก็จะขยายฐานกลุ่มตลาดขนาดกลางที่มียอดขายประมาณพันล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีการลงทุน จะต้องจะใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นและเน้นเสนอโซลูชั่นที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย คาดว่าจะทำให้สัดส่วนรายได้กลุ่มเอสเอ็มอีเพิ่มเป็น 35% จากปัจจุบันมีประมาณ 30%
"ปีนี้เทียบกับปี 2551 แย่กว่าเดิม ครั้งนี้ เป็นปัจจัยจากภายนอกทำให้ตลาดชะลอการลงทุน และคาดว่าตลาดจะชะลอตัวไปจนถึงปลายปี ทั้งนี้ตลาดไอทีมีลักษณะลงช้าแต่ ขึ้นเร็ว เราหวังว่าหากไม่มีอะไรผิดปกติ ช่วงปลายปีกำลังซื้อจะกลับมา"
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% ด้วยมูลค่าประมาณเกือบ 6 พันล้านบาท หลักใหญ่มาจากกลุ่มสถาบัน การเงินประมาณ 2 พันล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มสื่อสาร พลังงาน การผลิต และการศึกษา
ด้านนายคริส พุยเป้ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย บริษัท FinArch กล่าวว่า บริษัทเริ่มขยายตลาดมายังภูมิภาคเอเชียประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีสำนักงานอยู่ในสิงคโปร์เพื่อขยายตลาดในเอเชีย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตโดยประเทศแรกที่บริษัททำตลาดคือฟิลิปปินส์ จากนั้นคือประเทศไทย โดยมีจีเอเบิลเป็นพาร์ตเนอร์รายเดียว ควบคู่กับการขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียและมาเลเซียต่อไป
ที่มา: matichon.co.th