คอลัมน์ Clickworld
"เน็ตบุ๊ก" หรือมินิโน้ตบุ๊ก ราคาประหยัด ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน กำลังเป็นศัตรูทางอ้อมที่สร้างความเจ็บช้ำให้กับพี่ใหญ่แห่งวงการพีซีอย่าง "ไมโครซอฟท์"
จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับผลประการบริษัทซอฟต์แวร์เบอร์ 1 ของโลก โดยมีรายได้ลดลง 5.6% หรือ 13.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก 14.45 พันล้านสหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และที่สำคัญคือกำไรสุทธิของไมโครซอฟท์ร่วงลงถึง 32% เหลือเพียง 2.98 พันล้านดอลลาร์
โดย 4 ใน 5 กลุ่มธุรกิจไมโครซอฟท์มียอดขายต่ำลง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจวินโดวส์ที่เป็นคีย์สำคัญของไมโครซอฟท์มียอดขายลดลง 16%
ผู้บริหารระดับสูงของไมโครซอฟท์ยอมรับว่า การลดลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการใช้จ่ายเพื่อซื้อพีซีทั้งกลุ่มคอนซูเมอร์และคอร์ปอเรตลดลง จากรายงานของการ์ดเนอร์ระบุว่า 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขาย พีซีทั่วโลกลดลง 6.5%
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ ยังต้องเผชิญกับโจทย์ท้าทายใหม่อย่าง "เน็ตบุ๊ก" ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเซ็กเมนต์เดียวในตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกินสัดส่วนของยอดขายพีซีในตลาดรวมทั่วโลกถึง 10%
"คริส ลิดเดลล์" ซีเอฟโอไมโครซอฟท์ เชื่อว่าเน็ตบุ๊กไม่ได้มีบทบาทเข้ามาขโมยยอดขายของไมโครซอฟท์ให้หายไปมากนัก และหากไม่มีตลาดเน็ตบุ๊ก อาจจะทำให้ยอดขายของกลุ่มวินโดวส์ลดลงรุนแรงมากกว่านี้
ขณะที่ "บิล โคลว์โฟลว์" ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ปัจจุบันเน็ตบุ๊กในตลาดส่วนใหญ่ ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็กซ์พีโฮม ซึ่งไมโครซอฟท์จำหน่ายชุดระบบปฏิบัติการเอ็กซ์พีให้แก่ผู้ผลิตเน็ตบุ๊ก ราคาประมาณ 15 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ วิสต้าพรีเมี่ยม ราคาจะอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ
"เน็ตบุ๊กที่จำหน่ายสู่ตลาด หมายถึง รายได้ที่ลดลงของไมโครซอฟท์ และท้ายสุดคือกำไรที่ลดลงตามมา"
ขณะที่บริษัทคู่แข่งในตลาดอย่าง "แอปเปิล" กลับมีผลประกอบการตรงข้าม เพราะยอดขายไอโฟนที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ช่วยกระตุ้นรายได้ของแอปเปิลในไตรมาสนี้โต 8.7% ด้วยมูลค่า 8.16 พันล้านดอลลาร์ จาก 7.51 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรสุทธิ 1.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี ที่ผ่านมากำไร 1.05 พันล้านดอลลาร์
ยอดขายไอโฟนที่เพิ่มขึ้น 123% หรือ 3.79 ล้านเครื่อง ทำให้แอปเปิลมีแผนที่จะขยายตลาดไอโฟนไปเมืองจีนภายในปีนี้ด้วย
"ไบรอัน มาร์เชล" นักวิเคราะห์จาก AmTech กล่าวว่า การทำตลาดไอโฟนในจีนนั้น คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ เมื่อไชน่า ยูนิคอม ซึ่งมีผู้ใช้บริการมือถือกว่า 150 ล้านคน อัพเกรดเป็นเครือข่าย 3 จี เรียบร้อย
แต่ในทางกลับกัน สำหรับคอมพิวเตอร์ "แมคอินทอช" แอปเปิลไม่สามารถทนแรงต้านทานจากภาวะเศรษฐกิจที่คอนซูเมอร์และภาคธุรกิจต่างอยู่ในภาวะรัดเข็มขัดได้ ทำให้ยอดขายเครื่องแมคลดลง 3% โดยมียอดขายอยู่ที่ 2.22 ล้านเครื่อง
"เอซรา กอตตาอิล" นักวิเคราะห์จากเทคโนโลยี บิสซิเนส รีเสิร์ช กล่าวว่า ตลาดคอมพิวเตอร์แมคของแอปเปิลกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาลำบาก จากยอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนและครีเอทีฟ มืออาชีพ ซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญลดการซื้อสินค้า ขณะที่เซ็กเมนต์เดียวที่มีการเติบโตอยู่ในปัจจุบันคือเน็ตบุ๊ก ซึ่งแอปเปิลไม่มีสินค้าวางจำหน่าย
และในขณะที่พีซีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ สามารถหาซื้อในราคาเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีราคาถูกกว่าเครื่องแมคมาก ในช่วงเวลาเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ จึงทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจไปซื้อพีซีแทน
"ทิม คุก" ซีโอโอของแอปเปิล กล่าวว่า "บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเข้าตลาดโลว์เอนด์ เพราะยังไม่มีพื้นที่ไหนในตลาดที่เราสนใจ และแอปเปิลจะไม่ผลิตคอมพิวเตอร์ที่เรา ไม่ภูมิใจด้วย"
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดานักลงทุนมากที่สุดในวันแถลงผลประกอบการ คือข่าวอดีตซีอีโอ "สตีฟ จ็อบส์" อาจจะกลับมามีบทบาทอีกครั้งในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากไปพักรักษาตัว
ที่มา: matichon.co.th