คอลัมน์ Click World
กระแสของตลาดอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ประเภท "สมาร์ทโฟน" กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และดีกรีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
โดยบริษัทวิจัย "Strategy Analytics" รายงานยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีการเติบโต 43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นจำนวน 60 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19% ของตลาดมือถือทั้งหมด ปัจจัยผลักดันส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันผู้ให้บริการเครือข่ายที่มีการซับซิไดซ์สินค้า การแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ รวมถึง มือถือราคาประหยัดบนระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ ซิมเบี้ยน มีตัวเลือกให้เพิ่ม มากขึ้น
แต่เนื่องจากความหลากหลายของสินค้าและสภาพการแข่งขันของตลาดที่รุนแรงล้วนเป็นปัจจัยท้าทายผู้ผลิตอุปกรณ์มือถือในการสร้างกำไรให้สูงขึ้น
"นีล มัวสตัน" ผู้อำนวยการ Strategy Analytics กล่าวในแถลงการณ์ว่า อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั่วโลกกำลังเติบโตในแง่ของปริมาณ แต่ด้านมูลค่าของอุตสาหกรรมเริ่มได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยผู้ผลิตอุปกรณ์จำนวนนับสิบราย ทั้งผู้เล่นที่มาจากอุตสาหกรรมการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ และคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนและขับเคลื่อน ตลาดด้วยการลดราคาสินค้า แม้กระทั่ง แบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานาน เช่น โนเกีย, รีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) และแอปเปิล ต่างกำลังเผชิญหนทางที่ยากลำบากมากขึ้น เพื่อยกระดับราคาสินค้าท่ามกลาง การแข่งขันที่ดุเดือดอยู่ในขณะนี้
ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาโนเกีย มียอดขายมือถือทั่วโลก 111 ล้านเครื่อง โดยเป็นส่วนของสมาร์ทโฟน 24 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40.3% ของตลาด สมาร์ทโฟนโดยรวม จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโนเกียมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 40.7% ซึ่งถือว่าลดลงเล็กน้อยแต่ยังคงความเป็นผู้นำ ตามมาด้วยแบล็คเบอร์รี่ของค่าย RIM มีส่วนแบ่งตลาด 18.8% หรือ 11.2 ล้านเครื่อง ลดลงจาก 19.3% และแอปเปิล มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 12.5% เป็น 14.1% หรือจำนวน 8.4 ล้านเครื่อง
สำหรับไอโฟนยังคงมีตัวเลขการขนส่ง ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านยอดขาย และกำไร แต่การเติบโตอาจจะเริ่มชะลอตัวจากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าและอาจส่งผลกระทบกับส่วนแบ่งการตลาดได้ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับวิธีการผลิตของแอปเปิลในจีน ในประเด็นการฆ่าตัวตายของ พนักงานในโรงงานฟ็อกคอนน์ และปัญหาเสาสัญญาณของไอโฟน 4 เป็นต้น โดยนักวิเคราะห์จาก Strategy Analytics เชื่อว่า ช่วงเวลาฮันนีมูนของแอปเปิลอาจจะกำลังจะหมดไปและจำเป็นต้องทำงาน หนักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2010 เพื่อป้องกันการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด
มัวสตันกล่าวอีกว่า จากกรณีปัญหาเรื่องเสาสัญญาณของไอโฟน 4 ได้จุดประเด็นหลัก 2 เรื่องที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมสื่อสาร หนึ่ง คือ เมื่อสมาร์ทโฟนมีความซับซ้อนในการดีไซน์ มากขึ้นจะก่อให้เกิดความเสี่ยงของอุปกรณ์ที่อาจจะล้มเหลวได้ และสอง คือ ผู้ค้าสมาร์ทโฟนและผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถสร้างความแตกต่างในแบรนด์ ของตนได้ โดยนำเสนอบริการหลังการขายที่ดีเมื่อเกิดข้อผิดพลาด
อย่างไรก็ดีแม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟน กำลังเติบโตอย่างสวยงาม แต่กระนั้น กำไรที่เดินสวนทางอาจสร้างปัญหาหนักใจให้กับหลาย ๆ แบรนด์ รวมถึงโนเกีย
โดยผลประกอบการไตรมาส 2 แม้ว่ายอดขายอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ของโนเกียจะมีจำนวน 111.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ในแง่การทำกำไรลดลง 40% โดยอยู่ที่ 227 ล้านยูโร จากเมื่อช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 380 ล้านยูโร ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น หรือมีมูลค่า 10,000 ล้านยูโร จากไตรมาส 2/2009 มีรายได้ 99,100 ล้านยูโร
นอกจากนี้โนเกียยังคาดการณ์ว่า ตลาดรวมมือถือทั่วโลกปี 2010 จะเติบโต 10% ขณะที่การเติบโตของโนเกียทั้งปี อาจทรงตัว
ขณะที่ราคาเฉลี่ยมือถือลดลงเหลือ 61 ยูโร จากเมื่อต้นปีอยู่ที่ 64 ยูโร โดยราคาเฉลี่ยที่ลดลงนั้นเป็นผลจากสัดส่วนการขายมือถือรุ่นโลว์เอนด์ของโนเกีย ขยายตัวมากขึ้น
เอเอฟพีรายงานว่า จากผลประกอบการไตรมาส 2 ของโนเกียทำให้ "พอล โอลิ เพกการ์ คาร์ลาสวูโอ" ซีอีโอใหญ่ของ โนเกียกำลังเผชิญความกดดันอย่างหนัก เนื่องจากรายได้ลดลงอย่างมากจากการเผชิญหน้าการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดไฮเอนด์ คือแอปเปิลและ RIM ซึ่งกำลังร้อนแรงในตลาดสมาร์ทโฟน บวกกับความกดดันด้านราคาและความต้องการสินค้าของโนเกียที่ลดน้อยลงในตลาดอเมริกาเหนือ
พร้อมกับกระแสกดดันให้ "พอล โอลิ เพกการ์ คาร์ลาสวูโอ" ลาออก เนื่องจากไม่สามารถสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพได้ อย่างไรก็ตามล่าสุด คาร์ลาสวูโอ ได้ออกมายืนยันว่า เขายังตั้งใจทำงานที่มีอยู่ในมือ พร้อมยอมรับความท้าทายของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งทางโนเกียหวังจะใช้ซิมเบี้ยนเป็นหัวหอกต่อสู้ในตลาดสมาร์ทโฟนเพื่อเรียกส่วนแบ่งในตลาดกลับคืนมา
สมรภูมิตลาดสมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นสนามรบแห่งปี
ที่มา: prachachat.net