คอลัมน์ Click world
เป็นธรรมดาของผู้นำตลาดที่ต้องมีคู่แข่งทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ดาหน้าเข้ามาแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์ ซึ่งใน 2-3 ปีมานี้ดูเหมือนว่าความสำเร็จของคู่แข่งหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น "ไอโฟน" ค่ายแอปเปิล หรือ "แบล็คเบอร์รี่" (บีบี) ของ RIM (Research In Motion) สามารถเขย่าบัลลังก์แชมป์อย่าง "โนเกีย" ให้ถึงกับสั่นไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้ขณะนี้จะ ไม่ถึงขั้นทำให้ตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกสูงสุดเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในสมรภูมิธุรกิจมือถือในฟากฝั่งของ"ผู้ผลิต" ไม่เพียงร้อนแรง แต่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง จากการหลอมรวมของเทคโนโลยี "โทรคมนาคม-ไอที และอินเทอร์เน็ต"โดยมีความนิยมในการสื่อสารผ่าน "โซเชียลเน็ตเวิร์ก" ที่เติบโตก้าวกระโดดเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ปัจจุบันคนใช้อินเทอร์เน็ต 2 ใน 3 คนทั่วโลกเข้าอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ
เหมือนที่ "คริส คาร์" รองประธานฝ่ายขายโนเกีย เอเชีย-แปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้กล่าวไว้ว่า "เราอาศัยอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และธุรกิจมือถือกำลังเปลี่ยนโฉมเพื่อก้าวสู่อนาคต นั่นคือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต คอนเทนต์และบริการ รวมถึงการเชื่อมต่อในทันที"
ดังนั้น กลยุทธ์สำคัญในการรักษาสถานะความเป็นผู้นำตลาดของ "โนเกีย" จึงมิอาจหยุดอยู่ที่การผลิตเครื่องลูกข่ายที่ดีที่สุดออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่ต้องผสมผสานคอนเทนต์และแอปพลิเคชั่นที่หลากหลายให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและทำให้ลูกค้ารู้สึกถึง "ความคุ้มค่าและแตกต่าง" ผ่าน OVI Store
ซึ่งเป็นอะไรที่มากกว่าการดีไซน์รูปโฉมภายนอกให้ถูกตาต้องใจ
"โนเกีย" เชื่อว่าการทำงานใกล้ชิดกับนักพัฒนาและผู้ให้บริการคอนเทนต์ไม่ต่างไปจากการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ เป็นการตอบสนองผู้ใช้ทั่วโลกที่ต้องการคอนเทนต์ และแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ บนมือถือ
การเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ทุกครั้งจึงมาพร้อมการโชว์บริการใหม่ ๆ ที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตรธุรกิจจากหลายวงการ
"บริการต่าง ๆ ใน OVI ทำให้เราสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้มากกว่าคู่แข่งด้วยการมีแผนที่ดีที่สุดในโลกพร้อมระบบนำทางฟรีทั่วโลก มีเครื่องเล่นเพลงที่เข้าถึงเพลงกว่าล้านเพลง"
ในงาน Nokia Connection 2010 ที่สิงคโปร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ นอกจากมิวสิกโฟนรุ่นใหม่ X5, X6 8 GB และ N8 ที่เผยโฉมเป็นครั้งแรกในเอเชียแล้ว ก็มีบริการใหม่บน OVI Store มาโชว์ อาทิ "Hungry Go Where" บริการค้นหาร้านอาหารในพื้นที่ใกล้เคียง มีข้อมูลร้านอาหารพร้อมแผนที่และระบบนำทาง, บริการเว็บทีวีของ Channel Newsasia เป็นต้น
ประมาณว่าอยู่ที่ไหนเมื่อรู้สึกหิวหรืออยากหาร้านอาหารอร่อย ๆ หรืออยากดูการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ ก็แค่คลิกเข้าไปดูได้ทันทีผ่านมือถือ
X5 มิวสิกโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด เป็น "เครือข่ายตู้เพลงเคลื่อนที่" แถมดีไซน์แปลกไปกว่าเครื่องรุ่นอื่นของโนเกียทั้งรูปทรงและสีสัน (คล้ายตลับแป้ง) รุ่นนี้น่าจะโดนใจวัยรุ่น คาดว่าจะมาเมืองไทยในไตรมาส 3 ราคา 6-7 พันบาท ซึ่งถ้าดูการทำราคาสินค้ารุ่นใหม่ในช่วงหลัง ๆ ของโนเกีย X5 มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นอยู่กับว่าโนเกียต้องการ "วอลุ่ม" ด้วย
อีกรุ่นอยู่ในตระกูล X6 แต่ลดความจุลงเหลือ 8 GB (รุ่นแรก 16 GB) ราคาหมื่นต้น ๆ วางขายไตรมาส 3
ปัจจุบัน OVI Store มีคนใช้บริการ ทั่วโลกมากถึง 90 ล้านคน ยอดการดาวน์โหลดวันละ 1.7 ล้านครั้ง ขณะที่มีคนสมัครใช้บริการ OVI Mail กว่า 10 ล้านคน เช่นเดียวกับการใช้ OVI MAPs (ไทยมียอดดาวน์โหลด OVI MAPs สูงสุดในเอเชีย)
แม้มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล แบล็คเบอร์รี่ และไอโฟน จะมาแรงมากในปัจจุบัน แต่แพลตฟอร์มที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในปัจจุบันยังเป็นระบบปฏิบัติการ "ซิมเบียน" 1 ใน 3 แพลตฟอร์มที่โนเกียใช้กับโปรดักต์ของตนเอง (อีก 2 คือ Mee Go และ S40)
"โนเกีย" ให้ข้อมูลว่าระบบปฏิบัติการ "ซิมเบียน" มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดที่ 43.1% รองลงมาเป็น RIM 19.1% ตามด้วย แอปเปิล 15.9% ขณะที่แอนดรอยด์ที่ว่ากันว่ากำลังมาแรงอยู่ที่ 10.7% เป็นวินโดวส์ โมบายค่ายไมโครซอฟท์ 6.1%
"โจ ฮาร์โลว์" รองประธานอาวุโส สมาร์ทโฟนของโนเกียกล่าวว่า เทียบกับคู่แข่งแล้วโนเกียมีสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนจำนวนมากและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าหลากหลายกว่า ด้วยว่าคำจำกัดความของสมาร์ทโฟนสำหรับโนเกียมีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ 1.ใช้ระบบปฏิบัติการแบบเปิดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนใช้ได้ใน วงกว้างในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ 2.ทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน (multitask) 3.มีแอปพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลด
"สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์มือถือเรามีโปรดักต์ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม Mee Go (เช่น N900) ส่วนมือถือจะพัฒนาบนซิมเบียนเพราะทำให้นำฟังก์ชั่นสมาร์ท โฟนออกสู่ตลาดวงกว้างได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มระบบเปิด"
กับ โนเกีย "N8" เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่พัฒนาบน "ซิมเบียน 3.0" ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดรองรับลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น เลื่อนด้วยการตวัดนิ้ว หรือการซูมด้วยการใช้นิ้วสัมผัส และทำงานพร้อมกันได้หลายหน้าจอ
"โนเกีย" คาดหวังว่าเมื่อ N8 ออกสู่ตลาดน่าจะสร้างยอดขายได้มาก เพราะเชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนดีที่สุดในปัจจุบัน ในแง่การตอบสนองการใช้งานด้านความบันเทิงด้วยกล้องดิจิทัลที่ใช้เลนส์คาร์ลไซส์ 12 เมกะพิกเซล วิดีโอคุณภาพระดับ HD พร้อมโปรแกรมตัดต่อ และสารพัดแอปพลิเคชั่นราคาประมาณ 17,000 บาท โดยจะวางตลาดชวงไตรมาส 3 ในบางประเทศ
"เรามีคู่แข่งในตลาดเยอะมาก เรื่องโซลูชั่นก็แข่งกับแอปเปิล และแบล็คเบอร์รี่ มือถือทั่วไปก็คือแบรนด์อย่างซัมซุง แอลจี ขณะที่ในกลุ่มสินค้าราคาถูกก็มีสินค้าจากจีนเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่ในภาพรวมเชื่อว่าเรายังเป็นผู้นำตลาดด้วยความสามารถในการนำเสนอสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้างมากกว่าที่คู่แข่งทำไม่ได้"
"โจ" บอกว่า การทำให้สินค้ามีราคาถูกลงคือเป้าหมายสำคัญของโนเกีย แม้ในระยะอันใกล้อาจยังไม่ถึงกับเห็นระบบปฏิบัติการ "ซิมเบียน" ในกลุ่มสินค้าที่มีระดับราคาต่ำ ๆ
สำหรับในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังต้องการใช้งานระดับ เริ่มต้น "โนเกีย" ก็ไม่ได้มองข้าม
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งออกมือถือที่ใช้งาน 2 ซิม 4 รุ่น (แม้จะช้าไปมากเทียบกับมือถือแบรนด์จีน) ได้แก่ C1-00 (จอสีไม่มีกล้อง), C1-01 (มีกล้อง VGA และฟังวิทยุได้), C1-02 (มีกล้อง ฟังวิทยุได้ รองรับบลูทูท แชต และ OVI เมล์) และ C2 ทั้ง 4 รุ่น ตั้งราคาไว้ที่ 1-2 พันกว่าบาท
ที่มา: prachachat.net