คอลัมน์ Clickworld
แม้ว่าปัจจุบันคนส่วนใหญ่ยังแฮปปี้กับการท่องอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไว-ไฟตามคาเฟ่ ห้องสมุด หรือแม้แต่ในบ้านของตัวเอง แต่ถึง กระนั้นผู้ใช้งานยังคงมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและความรวดเร็วสำหรับการรับส่งข้อมูล ส่งผลให้วงการเครือข่ายไร้สายต้องตื่นตัวอีกครั้งหนึ่ง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้เล่นระดับบิ๊กของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และโฮม เอ็นเตอร์เทนเมนต์กว่า 17 ราย อาทิ อินเทล ไมโครซอฟท์ เดลล์ โนเกีย พานาโซนิค ซัมซุง รวมกลุ่มกันก่อตั้งสมาคมใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ "Wireless Gigabyte Aillance" เพื่อพัฒนามาตรฐานเทคโนโลยีไร้สาย ที่เรียกว่า "WiGig" โดยจะมีความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเครือข่ายไร้สายในปัจจุบัน สำหรับการ รับส่งไฟล์ข้อมูลภาพขนาดใหญ่ภายในบ้าน
WiGig มีความเร็วกว่าไว-ไฟ 10 เท่า แต่รัศมีการใช้งานน้อยกว่าไว-ไฟ โดย 1 สปอตครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ห้องเท่านั้น หรือมากที่สุดกินพื้นที่ไปยังบริเวณห้องข้างเคียง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถส่งไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงผ่านระบบไร้สายจากคอมพิวเตอร์หรือเซตท็อปบอกซ์ไปยังทีวีได้ เหมาะสำหรับบรรดาสาวกแก็ดเจตที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายชนิดที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้สำหรับการรับส่งผ่านวิดีโอแบบไร้สาย เช่น wireless HD คิดค้นโดยบริษัท SiBEAM จากสหรัฐ แต่เทคโนโลยีนี้ยังจำกัดเฉพาะการเชื่อมระหว่างเซตท็อปบอกซ์และเครื่องเล่นบลูเรย์กับทีวีเท่านั้น หรือ wireless home digital interface (WHDi) พัฒนาโดยบริษัท Amimon จากอิสราเอล ที่มีลักษณะการทำงานเหมือนเครือข่าย ไว-ไฟ สำหรับการส่งข้อมูลระหว่างกันรวมถึงเทคโนโลยี ultrawideband ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลักษณะเป็นโซลูชั่นเพื่อการดาวน์โหลดดาต้าขนาดใหญ่ผ่านทางเครือข่ายไร้สายเท่านั้น
"อลี ซาดรี" ประธานกลุ่ม WGA และเป็นผู้บริหารระดับสูงจากอินเทล กล่าวว่า WiGig ไม่ได้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ wireless HD แต่มีจุดมุ่งหมายที่กว้างกว่า โดยมีเป้าหมายเพื่อการเชื่อมโยงที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่ ทีวีเซต แต่รวมถึงโทรศัพท์ มือถือ กล้องถ่ายวิดีโอ และพีซี โดยช่วงปลายปีจะเริ่มมีการทดสอบกับอุปกรณ์ต่างๆ และคาดว่าสินค้าที่รองรับกับเครือข่ายนี้จะออกสู่ตลาดได้ภายในปีหน้า
WiGig มีช่องความถี่ขนาด 60 จิกะเฮิรตซ์ เช่นเดียวกับ wireless HD โดยเป็นช่วงความถี่ไร้สายที่ยังไม่มีไลเซนส์ โดย WiGig สามารถส่งไฟล์ได้ถึงขนาด 6 จิกะไบต์ต่อวินาที สามารถที่จะส่งคอนเทนต์ประเภทดีวีดีภายใน 15 วินาที
เพราะปัจจุบันผู้ใช้งานเริ่มมองหาการบริการที่มีความละเอียดสูง (ไฮเดฟินิชั่น) มากขึ้น และมีความต้องการส่งคอนเทนต์ประเภทวิดีโอสตรีมมิ่งจากเว็บไซต์มายังทีวี ทำให้ผู้คนต้องการเครือข่ายไร้สายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้น WiGig จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
"ไบรอัน โอ ร็อก" นักวิเคราะห์จาก In-Stat ตั้งคำถามว่า WiGig มีความจำเป็นหรือไม่ เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยี 802.11n หรือมาตรฐานของเครือข่ายไร้สายยังสามารถครอบงำตลาดไร้สายความละเอียดสูงต่อเนื่องไปอีกนานหลายปี
"802.11n เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไว-ไฟที่จะได้รับความนิยมอย่างมากในยุคหน้า มีอัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลในระดับ 100 เมกะบิตต่อวินาที แม้ว่าจะมีความล่าช้าเมื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ แต่ปัจจุบันมีอุปกรณ์จำนวนมากที่สามารถรองรับการทำงานดังกล่าวได้"
อย่างไรก็ตาม "มาร์ก กรอดซินสกี้" ประธานฝ่ายการตลาดของ WiGig กล่าวว่า พันธมิตร WiGig จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการ IEEE"s 802.11n เพื่อพัฒนามาตรฐานให้เป็นไปอย่างถูกต้องและสามารถทำงานร่วมกันได้
ที่มา: matichon.co.th