เอเซอร์เปิดตัวแอลอีดีมอนิเตอร์และโปรเจกเตอร์ มุ่งเน้นความเป็นโซลูชันที่มีหลากหลายฟังก์ชัน ตอบสนองเทรนด์การใช้งานยุคใหม่ที่ไม่ใช่ธุรกิจเท่านั้นที่ใช้ แต่ยังรวมถึงภาคการศึกษาและเอนเตอร์เทนเมนต์ ชี้ไฮบริดกำลังจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ 2 ผลิตภัณฑ์นี้ เพราะผู้บริโภคเริ่มต้องการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่หลากหลาย มุ่งเจาะกลุ่มองค์กร ตลาดการศึกษา และโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ เผยปลายปีเตรียมนำเสนอมอนิเตอร์ที่สามารถเชื่อมกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้เอเซอร์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ในกลุ่มดิจิตอลดิสเพลย์เพิ่มมากขึ้น โดยเอเซอร์แบ่งผลิตภัณฑ์ในตลาดดิจิตอลดิสเพลย์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มมอนิเตอร์ และกลุ่มโปรเจกเตอร์ ซึ่งได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งสองกลุ่มให้มีการทำงานที่เป็นโซลูชันมากขึ้น เพื่อการใช้งานที่เหมาะสมและตอบสนองพฤติกรรมการใช้งานยุคใหม่ที่มีการใช้งานอุปกรณ์ 2 ชนิดนี้หลากหลายมากขึ้นไม่ใช่เพียงเฉพาะในภาคธุรกิจอีกต่อไป แต่ได้มีการขยายไปสู่ภาคการศึกษาในรูปแบบการเรียนการสอนใหม่ รวมถึงความบันเทิงทั้งภายในบ้าน และการใช้งานในรูปแบบของการพกพาต่างๆ ด้วย
สำหรับภาพรวมของตลาดโปรเจกเตอร์มีอัตราการเติบโตการใช้งานมีแนวโน้มที่สูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดองค์กรและการศึกษาทั้งในส่วนของตลาดรวมและตลาดของเอเซอร์เอง ซึ่งในปัจจุบันมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการใช้งานที่มากกว่าในอดีต โดยภาพรวมตลาดโปรเจกเตอร์ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 160,000 เครื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมาเอเซอร์เป็นเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งอยู่ 29% ส่วนเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 24% เอเซอร์ตั้งเป้าหมายว่าจะยังคงครองความเป็นเบอร์ 1 เช่นเดิมในปีนี้
“แบรนด์ไอทีพยายามจะหนีออกจากตลาดแบบเรดโอเชียน ในอดีตแอลซีดีมอนิเตอร์จะแข่งเรื่องของความใหญ่ ความละเอียด และเน้นราคาเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนไป เราเลยนำเสนอภาพที่เป็นไฮบริดมีมูลค่าเพิ่ม เช่นทัชสกรีนมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เป็นแอนดรอยด์มอนิเตอร์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งการนำเสนอความเป็นไฮบริดเราไม่ได้คาดหวังการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่จะแสดงให้เห็นว่าเอเซอร์มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้มากขึ้น และทำได้มากกว่าที่เป็นอยู่”
นายนิธิพัทธ์กล่าวว่า ไฮบริดมาจากการที่เดิมผู้บริโภคมีดีไวซ์อยู่แล้ว แต่อยากได้ความเป็นโมบิลิตีเพิ่มขึ้น เอเซอร์จึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮบริดเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบสนองเทรนด์ความต้องการใช้งาน อย่างเช่นเราเห็นโซลูชันไวเลสที่เชื่อมต่อกับโปรเจกเตอร์นานแล้ว แต่ปัจจุบันทำได้ง่ายขึ้นและมีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น หรือแม้แต่จอมอนิเตอร์เองก็เริ่มที่จะมีการเชื่อมต่อได้หลากหลายขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
โปรเจกเตอร์รุ่นใหม่ๆ ของเอเซอร์จะรองรับเทคโนโลยี 3D, เทคโนโลยี Short Throw Projection ช่วยให้การฉายภาพในพื้นที่จำกัดทำได้ง่ายๆ เหมาะสำหรับการประชุมขนาดเล็ก หรือกลุ่มที่มีความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถเลือกใช้เครื่องที่มีความละเอียดสูงแต่ประหยัดไฟ และกลุ่มที่ต้องการความสะดวกในการพกพา หรือความบันเทิงในลักษณะโฮมเธียเตอร์ที่บ้านก็สามารถเลือกเทคโนโลยี 3D ได้ เอเซอร์ได้พัฒนาเทคโนโลยีและการดีไซน์ที่ตอบสนองรูปแบบการใช้งานและการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้น เอเซอร์มุ่งเจาะตลาดธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี โดยจะใช้กลยุทธ์ “Explore beyond limit” ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อและประยุกต์ใช้อุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับเทคโนโลยีที่มีให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า และได้มีการเตรียมความพร้อมด้วยการบริการหลังการขายด้วยศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับการบริการของธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดใหญ่กว่า 100 จุดทั่วประเทศ
นางฐิตารีย์ วิสัยทัศนะกูล ผู้จัดการฝ่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์มอนิเตอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนซูเมอร์มอนิเตอร์นั้น เอเซอร์มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารตอบสนองความต้องการในทุกกลุ่มของผู้บริโภค โดยได้มีการขยายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในส่วนของเกตเวย์ และได้มีการพัฒนาหน้าจอ 19.5 นิ้วขึ้นตามเทรนด์ของตลาดโลก รวมไปถึงได้มีการพัฒนาหน้าจอทัชสกรีนขึ้นมาเพื่อรองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ซึ่งนับจากนี้เอเซอร์จะมุ่งเน้นการนำเสนอหน้าจอทัชสกรีนกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยครึ่งปีหลังจะมีการนำเสนอจอมอนิเตอร์ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยคาดว่าปีนี้ตลาดรวมของมอนิเตอร์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเครื่อง
“มอนิเตอร์รุ่นใหม่ของเอเซอร์นอกจากจะเน้นการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี อาทิ IPS หรือ Multi-Touch Screen ที่สามารถทำงานในแบบมัลติยูสเซอร์ (Multi-user) และรองรับการสัมผัสบนหน้าจอได้มากถึง 10 จุดแล้ว เอเซอร์ยังได้คำนึงถึงการพัฒนาในเรื่องของดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นได้มากกว่าหน้าจอสำหรับใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เป็นเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้านอีกด้วย ปัจจุบันสัดส่วนไฮบริดมอนิเตอร์มีประมาณ 15-20% ส่วนที่เหลือ 80% ยังคงเป็นแบบธรรมดาอยู่”
Company Relate Link :
Acer
ที่มา: manager.co.th