“เอเซอร์” หันจับตลาดคลาวด์โซลูชัน หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% ภายใน 3 ปี พร้อมขึ้นท็อป 3 ในตลาดภาคการศึกษาภายในสิ้นปีนี้ ก่อนเดินหน้าลุยอุตสาหกรรมอื่นจากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก ชี้แนวโน้มการลงทุนด้านไอทีในตลาดองค์กรยังเติบโตอย่างต่อเนื่องรับเออีซี นายอลัน เจียง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มการเติบโตของตลาดพีซีในช่วงหลังที่มีอัตราการเติบโตลดลง ทำให้เอเซอร์ต้องหันมาหาธุรกิจที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างการให้บริการโซลูชันแก่ลูกค้าองค์กร ซึ่งปัจจุบันเอเซอร์ก็มีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่จากการนำคลาวด์โซลูชันเข้ามาจะช่วยขยายสัดส่วนรายได้ให้เพิ่มมากขึ้น
“เดิมสัดส่วนเอนเตอร์ไพรส์ โซลูชัน กรุ๊ป (ESC) สร้างรายได้ราว 20% ของรายได้รวม ซึ่งจากการเปิดให้บริการคลาวด์โซลูชันคาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 40-50% ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากการเข้าไปให้บริการในกลุ่มภาคการศึกษา รัฐบาล และอุตสาหกรรมการผลิต”
โดยทางเอเซอร์ได้สำรวจความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในองค์กรที่ต้องการใช้บริการคลาวด์โซลูชัน พบว่าส่วนใหญ่ต้องการผู้ให้บริการแบบรายเดียวที่มีให้ทั้งเซิร์ฟเวอร์ เวิร์กสเตชัน สตอเรจ และซอฟต์แวร์โซลูชันทั้งหมด ทำให้เอเซอร์ซึ่งมีฐานลูกค้าในกลุ่มคอมเมอร์เชียลเดิม สามารถขยายการให้บริการไปยังคลาวด์ได้มากขึ้น
ซึ่งทางเอเซอร์ได้ชูจุดเด่นในบริการคลาวด์โซลูชันแบบครบวงจรว่า ทางเอเซอร์จะเป็นผู้ให้บริการหลังการขายเอง แม้ว่าจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชันผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ และเอสไอ โดยมีทีมบริการหลังการขายกว่า 400 คน ซึ่งรวมบริการแบบออนไซต์เซอร์วิส ภายใต้ศูนย์บริการ 15 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทางเอเซอร์ได้แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน คือกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์เดิมอยู่แล้ว แต่ต้องการใช้งานระบบคลาวด์ ก็จะนำตัวควบคุมและบริหารจัดการเข้าไปให้บริการ ซึ่งในกลุ่มนี้จะเริ่มต้นที่ราคาประมาณ 1 ล้านบาท
กลุ่มที่ 2 คือองค์กรที่มีแผนจะลงทุนหรือครบรอบในการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์ และต้องการใช้บริการคลาวด์ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้จะใช้เงินราว 3 ล้านบาท และสุดท้ายคือกลุ่มที่ต้องการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์สำรองพร้อมระบบคลาวด์แบบสมบูรณ์แบบ
สำหรับการรุกตลาดคลาวด์ในประเทศไทย เอเซอร์จะเริ่มที่ภาคการศึกษาเป็นหลัก โดยวางเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นท็อป 3 ของตลาดนี้ภายในสิ้นปี 2556 จากการให้บริการสถาบันศึกษากว่า 10 แห่ง ขณะเดียวกันก็เตรียมการที่จะรุกไปในตลาดอุตสาหกรรมการผลิต และภาครัฐ ที่แต่เดิมมีการใช้งานสินค้าของเอเซอร์อยู่แล้ว
ทั้งนี้ เอเซอร์มองว่าการลงทุนทางด้านไอทีในประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีขนาดใหญ่กว่าตลาดคอนซูเมอร์อยู่แล้ว เนื่องจากรวมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการให้คำปรึกษา บริการหลังการขายด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการปรับตัวและไปโฟกัสในตลาดที่ถูกต้องเพื่อสร้างรายได้
ประกอบกับการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่เออีซีในปี 2558 ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มหันมาขยายและพัฒนาบริการคลาวด์มากขึ้น และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเชื่อว่าเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้วในการที่จะเริ่มให้บริการคลาวด์ในประเทศไทย
สำหรับคลาวด์โซลูชันของเอเซอร์ที่เริ่มให้บริการจะประกอบไปด้วย Acer Cloud Enabler ที่มี Acer Cloud Smart Portal (CSP) เป็นเครื่องมือที่จะช่วยในการจัดการไพรเวตคลาวด์ในองค์กร โดยสามารถรองรับไฮเปอร์ไวเซอร์ได้ทั้ง Citrix XenServer, Microsoft Hyper-V และ VM Ware
Veriton P Series Workstation เวิร์กสเตชันสำหรับกลุ่มองค์กร และธุรกิจขนาดกลางและเล็ก รวมถึง Altos Server เซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์การจัดการ เช่น Acer Smart Setup, Smart Console และ Smart Server Manager และฟีเจอร์ iKVM.NET, Altos Server ที่ถูกออกแบบให้สามารถรองรับความจุฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุดถึง 24 ลูก และยังสนับสนุนการทำงาน แอปพลิเคชันจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่หลากหลาย
Company Relate Link :
Acer
ที่มา: manager.co.th