บอร์ด กทค.มีมติเดินหน้าปรับเอไอเอสตามข้อกฎหมายเช่นเดิม พร้อมเห็นชอบกำหนดผู้ใช้บริการระบบพรีเพดต้องมีวันสะสมไม่น้อยกว่า 365 วัน ส่วนเติมเงินทุกมูลค่าต้องได้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน หากเลิกใช้ต้องได้เงินคืน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า กรณีที่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ไปยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีที่ กสทช.กำหนดอัตราค่าปรับจากการที่เอไอเอสไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช.ว่าด้วยเรื่องการไม่กำหนดวันหมดอายุบริการโทรศัพท์ในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ในอัตราวันละ 1 แสนบาทนั้น ที่ประชุมบอร์ด กทค.เห็นว่ายังยืนยันเดินหน้าบังคับตามกฎหมายต่อไป
บอร์ด กทค.ยังมีมติเห็นชอบแนวปฏิบัติการพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าบริการเป็นการล่วงหน้าจะต้องไม่มีข้อกำหนดอันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 คือการเติมเงินทุกมูลค่าที่เคยให้บริการเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้บริการจะต้องได้รับระยะเวลาใช้งานเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน
ส่วนการเติมเงินเข้าสู่ระบบทุกครั้ง ให้นับระยะเวลาการใช้งานที่ได้รับรวมกับระยะเวลาที่คงเหลืออยู่โดยระยะเวลาการสะสมวันจะต้องไม่น้อยกว่า 365 วัน ทั้งนี้ ต้องไม่เกินระยะเวลาอายุสัญญาสัมปทานที่ยังคงเหลืออยู่ และเมื่อสัญญาเลิกกัน ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีเงินค้างชำระแก่ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการจะต้องคืนเงินนั้นให้แก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ผู้ให้บริการอาจกำหนดเงื่อนไขให้สามารถโอนเงินค่าบริการที่ชำระล่วงหน้าไว้ไปยังเลขหมายอื่นที่อยู่ภายในโครงข่ายเดียวกันได้
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบกรณีที่บริษัท ทรูมูฟ ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักงาน กสทช. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2556 และสำนักงาน กสทช.ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้ ดังนั้นจึงถือว่าบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งทางปกครองของเลขาธิการ กสทช.แล้ว และเป็นผลให้ยุติการบังคับทางปกครอง ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 นับแต่วันที่ 18 มกราคม 2556
Company Relate Link :
กสทช.
ที่มา: manager.co.th