ปิดฉากไปแล้วสำหรับงานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2009 เรียกว่าอมยิ้มกันไปทั้งคนซื้อและคนขาย เพราะในส่วนเจ้าของสินค้าที่ไปร่วมงานก็ค่อนข้างพอใจกับยอดขาย แม้ว่าจะไม่เติบโตไปจากงานเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ผู้จัดงานก็ยืนยันว่า ในงานมีเงินสะพัดกว่า 3,000 ล้านบาท ใกล้ๆ กับครั้งที่ผ่านมา ช่วยทำให้ยอดขายในไตรมาสแรกของหลายๆ บริษัทพุ่งพรวดขึ้นมาได้
ขณะที่บรรยากาศในงาน โดยเฉพาะในช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็คึกคักเป็นพิเศษ มีการลดราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีก แบบว่าปรับแคมเปญสวนกลับกันตลอด
งาน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสไปให้คู่แข่ง อย่างเดลล์ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีโน้ตบุ๊กราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาท มาทำตลาดถึง 5-6 รุ่น ก็มีบางรุ่นปรับลดลงมาต่ำสุดถึง 13,000 บาท
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.ฯ กล่าวว่า มีเม็ดเงินซื้อขาย 3,020 ล้านบาท โน้ตบุ๊กมาเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 2,030 ล้านบาท หรือ 72,500 เครื่อง ขณะที่คอมมาร์ตเมื่อต้นปีที่แล้ว ยอดขายโน้ตบุ๊กอยู่ที่ 60,000 เครื่องเท่านั้น จากที่แบรนด์ต่างๆ มีโปรโมชั่นน่าสนใจ ถูกสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะโน้ตบุ๊ก ที่เริ่มต้นเพียงหมื่นต้นๆ ส่งผลให้ ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของราคากับการใช้งาน แต่ในส่วนเน็ตบุ๊กยอดขายไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมา
โดยโน้ตบุ๊กที่ขายดีอันดับ 1 ยังเป็นเอเซอร์ ตามด้วยเอชพีและโตชิบา ที่เป็นครั้งแรกที่มีโน้ตบุ๊ก 15,900 บาทมาทำตลาด
"ภาพรวมงานคอมมาร์ตต้นปีนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้งานไอทีในตลาดที่ยังมีอยู่มาก ปีนี้จะโตได้ถึง 8% แม้เศรษฐกิจชะลอตัว"
สำหรับปีนี้เอ.อาร์ฯมีแผนจัดงาน 5 ครั้ง งานต่อไปคือคอมมาร์ตอีสาน ไทยแลนด์ 14-16 มิ.ย. ที่ ม.ขอนแก่น ต่อด้วยคอมมาร์ตเอ็กซ์-เจนไทยแลนด์ 2-5 ก.ค. ที่ศูนย์สิริกิติ์ ตามด้วยคอมมาร์ตบูรพา ที่ ม.บูรพา 3-6 ก.ย. ปิดท้ายด้วยคอมมาร์ตคอมเทคไทยแลนด์ ที่ศูนย์สิริกิติ์ 5-8 พ.ย.
"นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ" ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ยอดขายในเชิงยูนิตโตเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับคอมมาร์ตช่วงปลายปีที่ผ่านมา เพราะราคาโน้ตบุ๊กเฉลี่ยต่อเครื่องตกต่ำสุดเหลือเพียง 1.3-1.5 หมื่นบาทเท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับคอมมาร์ตเมื่อต้นปี"51 พบว่ายอดขายลดลงถึง 20%
โดยครั้งนี้เอเซอร์มียอดขายเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กรวมกัน 1.5 หมื่นเครื่อง โดยราคาเฉลี่ยสินค้าที่ขายดีอยู่ที่ราคา 2-2.5 หมื่นบาท คิดเป็น 60% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาคือราคาต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ประมาณ 15%
สำหรับยอดขายเน็ตบุ๊กภายในงานลดลง 15% เทียบกับคอมมาร์ตปลายปีที่ผ่านมา เพราะราคาโนตบุ๊กที่ถูกลงทำให้คอนซูเมอร์หันมาซื้อโน้ตบุ๊กแทน และโพซิชันนิ่งเน็ตบุ๊กเจาะกลุ่มผู้ต้องการพกพาเป็นเครื่องที่ 2 ที่ไม่เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจที่คนต้องการประหยัด ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากงานคอมมาร์ตคาดว่าเอเซอร์จะมียอดขายในไตรมาส 1 โตขึ้น 10% เป็นสัญญาณที่ดีในไตรมาสต่อๆ ไปว่าดีมานด์ในตลาดไอทียังมีอยู่ แตพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป จากเดิมที่ต้องการซื้อสินค้าราคาแพงก็หันมาเลือกรุ่นโลว์เอนด์มากขึ้น
ที่มา: matichon.co.th