Author Topic: พรินเตอร์แข่งดุดัมพ์ไม่เหลือกำไร "เอชพี"ชูแคมเปญเครื่องฟรีแลกสัญญาใช้หมึก1ปี  (Read 932 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Reporter

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1093
  • Karma: +8/-0
  • Gender: Male
    • ซ่อมคอมเชียงใหม่

ตลาดเครื่องพิมพ์แข่งราคาดุเดือด ดัมพ์ราคาจนไม่เหลือกำไร ผู้ค้าหวั่นมูลค่าตลาดปี"52ไม่โต "เอชพี" งัดแผนเด็ดอัดแคมเปญทั่วเอเชียเจาะลูกค้าเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่ ชูกลยุทธ์ให้ลูกค้าใช้เครื่องฟรีแต่ผูกสัญญาต้องใช้หมึกแท้ "เอชพี" 12 เดือน เน้นสร้างรายได้จากตลาดหมึกและการบำรุงรักษา ด้าน "เอปสัน" หนีตลาดคอนซูเมอร์หันโฟกัสตลาดองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมเพิ่มโปรโมชั่น 0% กระตุ้นกำลังซื้อ ขณะที่ "แคนนอน" เน้นส่งทีมประกบ คู่ค้าทุกจังหวัดพร้อมเพิ่มดีกรีปิดจุดอ่อนตลาดภาคใต้


นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องพิมพ์เติบโตในเชิงมูลค่า 15% ขณะที่ปีนี้คาดว่าเติบโตไม่เกิน 10% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงครั้งแรก เพราะปัจจัยด้านเศรษฐกิจกำลังซื้อในภาคคอนซูเมอร์หายไป ขณะที่การแข่งขันราคารุนแรง โดยเฉพาะตลาดซิงเกิล อิงก์เจ็ตกลุ่มโลว์เอนด์ ปัจจุบันในตลาดมีเครื่องราคาต่ำสุดอยู่ที่ 900 บาท ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าตลาดปีนี้ลดลงได้ โดยตลาดที่ยังมีการเติบโตคือกลุ่มองค์กร โดยเฉพาะภาครัฐที่มีการเติบโตค่อนข้างมาก

ล่าสุดเอชพีเปิดตัวแคมเปญสำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกชื่อ "when every thing counts" เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่องค์กรส่วนใหญ่ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย โดยในส่วนของลูกค้าเอสเอ็มอีเสนอโครงการ "HP Leasing Program" โดยบริษัทจะเสนอให้ลูกค้าใช้ฟรีเครื่องพิมพ์รุ่น HP Officejet Pro ซึ่งมีทั้งที่เป็นซิงเกิลฟังก์ชั่น จากปกติราคา 5,390 บาท และรุ่นมัลติฟังก์ชั่น ปกติราคา 11,900 บาท โดยลูกค้าเพียงตกลงสัญญาซื้อหมึกของเอชพีเดือนละ 2 ตลับโดยหมึกขาวดำอยู่ที่ราคา 1,290 บาท และหมึกสีราคา 940 บาท เป็นเวลาอย่างน้อย 12 เดือน ซึ่งโครงการนี้จะช่วยให้เอสเอ็มอีลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ได้ 50%

ขณะที่ลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เอชพีเสนอโปรแกรม Managed Print Service (MPS) เข้าไปช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและการบริหารจัดการต่างๆ พร้อมเสนอบริการทางการเงิน อาทิ ลูกค้าที่รับบริการเครื่อพิมพ์มัลติฟังก์ชั่นระยะเวลา 3-5 ปี ไม่ต้องจ่ายค่าบริการใน 12 เดือนแรก รวมทั้งเสนอให้ลูกค้าใช้เครื่องฟรีเช่นกัน โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านภาพและการพิมพ์ให้กับองค์กรได้ 30% กลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าภาครัฐ เฮลท์แคร์ และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งปีนี้มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด รองลงมาคือ กลุ่มค้าปลีกและสถาบันการเงิน

"สิ่งที่เอชพีทำจะเป็นผลบวกในระยะยาว ในการสร้างรายได้จากการบำรุงรักษาและบริการ ช่วยให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้มากกว่าเดิม นอกเหนือจากขายฮาร์ดแวร์อย่างเดียว นอกจากนี้เป็นการขยายตลาดหมึกแท้ของเอชพีอีกทาง เพราะถ้าไม่ทำโอกาสที่ลูกค้าจะหันไปใช้หมึกปลอมมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าองค์กรก็สามารถรักษาเงินสดหมุนเวียนและนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักภาษีประจำปีได้"

นายสมชัยกล่าวว่า แคมเปญดังกล่าวจะช่วยให้เอชพีมียอดขายเติบโตขึ้น 20% จากปัจจุบันเอชพีมีส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มตลาดเอสเอ็มอีและองค์กรขนาดใหญ่ประมาณ 40% โดยปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 40-50 รายที่ใช้บริการ MPS ของเอชพี ประกอบกับปัจจุบันโมเดลทางธุรกิจการพิมพ์กำไรส่วนใหญ่มาจากหมึก เพราะฮาร์ดแวร์มีมาร์จิ้นที่ต่ำมาก เพราะการแข่งขันราคาที่รุนแรงดังนั้นผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด และผู้ที่อ่อนแอจะหายไปจากตลาด ผู้ค้าที่จะอยู่ได้ต้องปรับตัวจากการขายเครื่องอย่างเดียวมาเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุม

นอกจากนี้เอชพีมีแผนที่จะเปิดให้บริการหลังการขายลักษณะออนไซต์เซอร์วิสสำหรับคอนซูเมอร์ด้วย แต่เบื้องต้นให้บริการเฉพาะลูกค้าในเขต กทม. โดยรายละเอียดอยู่ระหว่างการพิจารณา

โครงการ when everything counts เป็นแคมเปญในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพราะเอชพีมองว่าตลาดภูมิภาคนี้ยังมีศักยภาพการเติบโต แม้ปัจจัยเศรษฐกิจไม่แน่นอน องค์กรส่วนใหญ่คำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนการลงทุนมากขึ้น

ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องพิมพ์แข่งขันราคารุนแรงมาโดยตลอด ทำให้มูลค่าตลาดปีนี้เติบโตเพียง 3-5% สำหรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้จะเน้นขยายฐานเข้าสู่ตลาดองค์กรขนาดใหญ่ เพราะยังมีส่วนแบ่งตลาดไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มภาครัฐ สถาบันการเงิน ประกันภัย และองค์กรขนาดใหญ่ โดยบริษัทได้นำสินค้าใหม่ๆ ที่เหมาะกับตลาดองค์กรขนาดใหญ่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น

"หลายบริษัทเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรและโซโห เพราะเซ็กเมนต์ใหญ่ แข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงเท่าคอนซูเมอร์ ขณะที่ภาครัฐยังมีแนวโน้มการลงทุนจึงเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโต ประกอบมีการใช้ซัพพลายต่อเนื่อง มีกำลังซื้อชัดเจน ทำให้แต่ละเวนเดอร์สนใจชดเชยตลาดคอนซูเมอร์ที่ชะลอตัว"

อย่างไรก็ตามเพื่อสอดรับกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปีนี้เอปสันจะมีกิจกรรมร่วมกับพาร์ตเนอร์มากขึ้น โดยเฉพาะโปรโมชั่นผ่อน 0% รวมถึงโปรแกรม "พาวเวอร์ ยูสเซอร์" สำหรับองค์กรที่ใช้สินค้าซัพพลายของเอปสันต่อเนื่องและจำนวนมากจะส่งทีมงานดูแล ตรวจเช็กสภาพ เครื่องให้ พร้อมเสนอสินค้าซัพพลายในราคาพิเศษ

ด้านนายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้งและอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ตลาดเครื่องพิมพ์แข่งขันรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยบางค่ายขายสินค้าราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ทำให้มูลค่าตลาดปีนี้เติบโตไม่มาก สำหรับแคนนอนขอรอดูสถานการณ์ตลาดก่อน และเน้นการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด โดยส่งเจ้าหน้าที่ประจำทุกจังหวัดเพื่อช่วยเหลือคู่ค้าเน้นเพิ่มพนักงานและการบริการในภาคใต้มากขึ้น เพราะเป็นพื้นที่ที่มีส่วนแบ่งตลาดน้อยที่สุดเพียง 20%

ทั้งนี้จากผลวิจัยตลาดไอทีของเนคเทคที่ร่วมกับซิป้าได้สรุปตัวเลขมูลค่าตลาดเครื่องพรินเตอร์ในปี 2551 อยู่ที่ประมาณ 4,453 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2552 จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 4,348 ล้านบาท


ที่มา: matichon.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
6620 Views
Last post February 14, 2009, 12:00:18 AM
by Webmaster
0 Replies
2812 Views
Last post February 21, 2009, 09:50:39 AM
by Nick
0 Replies
3424 Views
Last post March 03, 2009, 06:03:22 PM
by Reporter
0 Replies
5335 Views
Last post March 03, 2009, 06:05:12 PM
by Reporter
0 Replies
2346 Views
Last post March 06, 2009, 11:17:31 PM
by Reporter
0 Replies
2057 Views
Last post March 10, 2009, 08:43:28 AM
by Reporter
0 Replies
1427 Views
Last post March 10, 2009, 10:03:22 AM
by Reporter
0 Replies
2046 Views
Last post March 13, 2009, 05:36:43 PM
by Reporter
0 Replies
1909 Views
Last post March 23, 2009, 11:59:20 PM
by Reporter
0 Replies
2342 Views
Last post April 02, 2009, 04:30:45 PM
by Reporter