Author Topic: "ไอโฟน 4" กับวิกฤตศรัทธา จุดเปลี่ยนโมเมนตัมผู้นำ "แอปเปิล" ?  (Read 1148 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ "แอปเปิล" เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยสามารถทำผลงานได้แข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย แม้จะเผชิญกับวิกฤตศรัทธาจากปัญหา เสารับสัญญาณที่มีส่วนทำให้สายหลุด

เอเอฟพี รายงานว่า ผลการดำเนินการ ของแอปเปิลในไตรมาส 3 ขยายตัวเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีต โดยกำไรพุ่งถึง 78% อยู่ที่ 3.25 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.83 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ก็เพิ่มขึ้นแตะระดับ 15.7 พันล้านดอลลาร์ จาก 9.73 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินกันไว้ที่ 14.75 พันล้านดอลลาร์

"สตีฟ จ็อบส์" ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่า นี่เป็นไตรมาสที่สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นผลมาจาก การเปิดตัว "ไอโฟน 4" หนึ่งในผลิตภัณฑ์ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริษัท รวมถึง "ไอแพด" ที่มีจุดเริ่มต้นที่ดีและยอดขายคอมพิวเตอร์ "แมค" ก็เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ แอปเปิลขายไอแพดได้ทั้งหมด 3.27 ล้านเครื่อง ในไตรมาสล่าสุด ส่วนไอโฟนขายได้ 8.4 ล้านเครื่องเพิ่มขึ้น 61% จากปีก่อน ซึ่งในจำนวนนี้ นับรวม "ไอโฟน 4" ราว 1.7 ล้านเครื่อง ที่ขายได้ในช่วง 3 วันแรก หลังวางจำหน่ายเมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้าน "ไอพอด" เครื่องเล่นเพลงดิจิทัลกลับมียอดขายลดลง 8% และเครื่องแมคขายได้ 3.47 ล้านเครื่อง

"แยร์ ไรเนอร์" นักวิเคราะห์ของออพเพนไฮเมอร์ แอนด์ โค กล่าวกับ รอยเตอร์สว่า นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผลงานของแอปเปิลแซงหน้าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีต ขณะเดียวกันตอนนี้นักลงทุนกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเสารับสัญญาณของไอโฟน 4 ที่อาจจะส่งผลต่อยอดขาย แต่แอปเปิลก็ได้ส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่ง

โดยแอปเปิลต้องปวดขมับกับข้อบกพร่องของไอโฟน 4 ที่พบคำร้องเรียนจากผู้ใช้ตั้งแต่หลังวางขายใหม่ ๆ ซึ่งหากผู้ใช้ถือโทรศัพท์ในบางลักษณะอาจทำให้สัญญาณขาดหายและสายหลุดได้ ขณะที่นิตยสาร "คอนซูเมอร์ รีพอร์ต" ซึ่งทดสอบผลิตภัณฑ์และแนะนำคุณภาพสำหรับผู้บริโภค ไม่แนะนำให้ซื้อไอโฟน 4

"สตีฟ จ็อบส์" บัญญัติศัพท์เรียก ปัญหานี้ว่า Antennagate ซึ่งมาจากคำว่า antenna ที่แปลว่าเสาอากาศ ผนวกกับ คำว่า gate ที่ใช้ต่อท้ายเพื่อหมายถึงกรณีอื้อฉาว

ดูเหมือนว่าไอโฟน 4 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของแอปเปิล กำลังเผชิญความท้าทายจากปัญหา Antennagate ซึ่งอาจลากฉุดศรัทธาของสาวกแอปเปิล ทำให้แอปเปิลจัดแถลงข่าวเรื่องนี้หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์เริ่มขยายวงมากขึ้น โดยเสนอทางออกแบบ "โลว์เทค" เพื่อแก้ปัญหา "ไฮเทค" ด้วยการแจกซองกันกระแทกสำหรับผู้ซื้อ ไอโฟน 4 ฟรี จนถึง 30 กันยายน ส่วนผู้ที่ซื้อซองหุ้มมาแล้วก็ขอรับเงินคืนได้ ซึ่งประเมินกันว่าคิดเป็นต้นทุนราว 175 ล้านดอลลาร์ เทียบกับกรณีเรียกคืนสินค้าที่อาจมีต้นทุนพุ่งถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ และส่งผลต่อแบรนด์แอปเปิลอย่างมาก

ในงานแถลงข่าว จ็อบส์กล่าวยอมรับว่า ไม่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องใดที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ จ็อบส์ระบุด้วยว่า สมาร์ทโฟนค่ายอื่น ๆ ก็มีปัญหาเรื่องเสาอากาศ และสัญญาณเช่นกัน

นี่ทำให้บรรดาคู่แข่งที่ถูกพาดพิงตบเท้าออกมาตอบโต้ในทันที ไม่ว่าจะเป็น "เอชทีซี" ที่บอกว่า ปัญหาเสารับสัญญาณไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือน ๆ กัน ส่วน "โนเกีย" ระบุว่าบริษัทควักเงินลงทุนจำนวนมาก เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้ มือถือของมนุษย์ รวมถึงวิธีการจับโทรศัพท์ การฟังเพลง และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ขณะที่ "รีเสิร์ช อิน โมชั่น" (อาร์ไอเอ็ม) ผู้ผลิต "แบล็คเบอร์รี่" ระบุว่า นี่เป็นเกมโยนบาป โดยแอปเปิลพยายามจะลากอาร์ไอเอ็มเข้าไปร่วมในปัญหาที่แอปเปิลสร้างขึ้นมาเอง

วอลล์สตรีต เจอร์นัล ระบุว่า ไม่ว่าผลประกอบการของแอปเปิลจะออกมา ดีหรือไม่ แต่สิ่งที่นักลงทุนกังวลที่สุดตอนนี้คือผลกระทบจากปัญหาเสารับสัญญาณของไอโฟน 4 เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติที่จะพบเห็นได้บ่อย ๆ ที่สตีฟ จ็อบส์ ต้องออกโรงจัดแถลงข่าวเป็นพิเศษเพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ปัญหาที่สำคัญคือข้อบกพร่องของ ไอโฟน 4 ดังกล่าว จะบานปลายจนส่งผลให้แอปเปิลเสียโมเมนตัมหรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่ดุเดือด ซึ่งแอปเปิลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนให้ได้ว่า ปัญหาของไอโฟน จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของบริษัทอย่างรุนแรง

ด้าน "ดิ อินดีเพนเดนต์" รายงานว่า แอปเปิลต้องเตรียมรับมือกับวิกฤต ด้านภาพลักษณ์จากปัญหาเชิงเทคนิคของไอโฟน 4 รวมถึงการที่บริษัทมั่นใจ ในตัวเองเกินไป ก็อาจทำลายความรัก ของผู้คนที่มีต่อบริษัทในที่สุด

โดยเมื่อแรกเริ่มที่เกิดการร้องเรียน แอปเปิลอธิบายว่าเกิดจากซอฟต์แวร์มีปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก ขณะที่สตีฟ จ็อบส์ แนะให้ผู้ใช้ถือโทรศัพท์ให้ถูกต้อง ซึ่งฉุดภาพลักษณ์ของสินค้าไฮเอนด์ของแอปเปิลลง ประกอบกับกระแสข่าวที่ว่า วิศวกรอาวุโสของแอปเปิลเคยเตือนเกี่ยวกับการออกแบบที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการรับสาย แต่ก็ไม่ได้มี การดำเนินการใด ๆ

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ปัญหาดังกล่าวอาจกระทบต่อยอดขายของไอโฟน 4 เพราะผู้ซื้ออาจชะลอแผนไปจนกว่าบริษัทจะปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ซึ่งผลสำรวจของไอดีซีพบว่า 66% ของผู้ที่ซื้อไอโฟนรุ่นเก่ายังรีรอที่จะเปลี่ยนมือถือของตัวเองเป็นรุ่นใหม่ และ 25% ของผู้ซื้อรายใหม่ชะลอแผนซื้อไอโฟน 4 ออกไปก่อน

ขณะที่บางฝ่ายมองว่า ปัญหานี้อาจ กระทบต่อกระแสความนิยมของผู้บริโภค ดังที่ "โทนี่ แซคโคนากี" นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ รีเสิร์ช เตือนว่า การก่อตัว ของความเชื่อมั่นที่มากเกินไปของบริษัท ที่แสดงออกมา อาจมีส่วนช่วยคู่แข่งให้สามารถต่อกรกับแอปเปิล และกลายเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกห่างเหิน กับบริษัท รวมทั้งบั่นทอนความสำเร็จของแอปเปิล

เพราะไอโฟนมีความสำคัญยิ่งต่อกำไรของแอปเปิล เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างคอมพิวเตอร์แมคอินทอชและไอพอด โดยไอโฟนมีสัดส่วนราว 40% ของยอดขายทั้งหมดในไตรมาสแรกของปีนี้

"เชลลี พาล์มเมอร์" ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและผู้ก่อตั้งบริษัทแอดวานซ์ มีเดีย เวนเจอร์ส มองว่า มีการประเมินสถานการณ์ความไม่พอใจต่ำเกินไป แอปเปิลไม่ใช่แค่บริษัท แต่เป็นเหมือนลัทธิ คุณอาจจะอ่อนน้อมต่อสตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเป็นผู้นำของโลกที่สามารถทำให้คุณยอมซื้อ สิ่งที่ไม่จำเป็น โดยที่คุณไม่มีเงิน แต่ผู้คนก็อาจจะออกจากลัทธิได้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าปัญหาเรื่องสัญญาณจะมากพอที่จะทำให้คนทำเช่นนั้นหรือไม่

แต่ปัญหาเรื่องสัญญาณของไอโฟน 4 เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คู่แข่งในอุตสาหกรรม มือถือต่างค้นพบวิธีที่จะต่อกรกับแอปเปิลในตลาดสมาร์ทโฟนกันแล้ว รวมถึงซอฟต์แวร์แอนดรอยด์ที่พัฒนาโดยกูเกิล ซึ่งถูกใช้ในสมาร์ทโฟนหลายรุ่น


ที่มา: prachachat.net


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
7436 Views
Last post February 14, 2009, 12:00:18 AM
by Webmaster
0 Replies
6162 Views
Last post March 03, 2009, 06:05:12 PM
by Reporter
0 Replies
2392 Views
Last post April 29, 2009, 11:26:27 AM
by Reporter
0 Replies
5077 Views
Last post May 03, 2009, 05:52:53 PM
by IT
0 Replies
2732 Views
Last post June 03, 2009, 01:07:14 PM
by IT
0 Replies
3857 Views
Last post August 28, 2009, 09:43:46 AM
by IT
0 Replies
4585 Views
Last post February 24, 2010, 08:43:26 AM
by Nick
0 Replies
2930 Views
Last post June 02, 2010, 02:52:50 PM
by Nick
0 Replies
7205 Views
Last post June 10, 2010, 02:08:06 PM
by Nick
0 Replies
5279 Views
Last post July 16, 2010, 10:18:47 PM
by Nick