“วัฒน์ชัย” มองทีวีดิจิตอลมาช่วยสร้างรายได้ให้กลุ่มสามารถฯ กว่า 3-4 พันล้านบาท หลังเตรียมขายกล่องเซตท็อปบ็อกซ์ และเข้าร่วมประมูลในโครงการติดตั้งระบบกระจายสัญญาณโครงข่ายทีวีดิจิตอล (MUX) แก่ผู้ได้ใบอนุญาต ส่วนไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตราว 30% เผยเข้าถือหุ้นเอ็มลิ้งก์ 9% หวังใช้ช่องทางขายโนเกียกระจายซิม 3GX นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มองถึงโอกาสในการทำธุรกิจของกลุ่มสามารถฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดประมูลทีวีดิจิตอลว่าจะมีโอกาสสร้างรายได้ให้กลุ่มราว 3-4 พันล้านบาทจากการขายกล่องรับสัญญาณ (เซตท็อปบ็อกซ์) การติดตั้งระบบกระจายสัญญาณโครงข่ายทีวีดิจิตอล (MUX) รวมถึงการเข้าร่วมประมูลช่องทีวีดิจิตอลด้วย
“ตอนนี้กลุ่มสามารถได้ผลิตกล่องรับสัญญาณที่พร้อมจะวางจำหน่ายทันที หลังจากที่ กสทช.ตรวจสอบ โดยเบื้องต้นได้เตรียมกล่องสัญญาณไว้จำหน่ายในช่วงแรกประมาณ 3-4 แสนกล่อง และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายได้ทั้งหมดราว 1-2 ล้านกล่อง”
โดยคาดว่าจะกำหนดราคาจำหน่ายกล่องรับสัญญาณไว้ที่ราว 800-1,000 บาท ซึ่งตัวกล่องจะนำชิ้นส่วนจากประเทศจีนเข้ามาประกอบภายในประเทศไทยเพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะแจกแก่ประชาชนเพื่อเปลี่ยนผ่านระบบรับสัญญาณจากแอนะล็อกให้กลายเป็นทีวีดิจิตอล
นอกจากนี้ก็จะมีในส่วนของการติดตั้งระบบกระจายสัญญาณดิจิตอลให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต MUX จาก กสทช. ได้แก่ อสมท ไทยพีบีเอส กองทัพบก และกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งคาดว่าแต่ละรายจะต้องลงทุนประมาณ 1 พันกว่าล้านบาท ซึ่งในจุดนี้กลุ่มสามารถฯ หวังว่าจะเข้าประมูลได้ราว 40% ของตลาดรวม 5 พันล้านบาท หรือประมาณ 2 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน การเข้าร่วมประมูลช่องทีวีดิจิตอล ทางกลุ่มสามารถฯ ได้ร่วมกับทางสยามกีฬาตั้งบริษัท ไอ-สปอร์ต มีเดีย จำกัด ถือหุ้นคนละครึ่งเพื่อเข้าร่วมประมูลช่องข่าว โดยมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้นราว 50 ล้านบาท ซึ่งแต่ละบริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อให้เข้าประมูลช่องข่าวได้
ส่วนผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีกำไรเพิ่มขึ้น 30-40% ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทั้งปีน่าจะมีรายได้ราว 3 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ทั้งนี้ยังต้องดูความชัดเจนจาก 3G ทีโอที ในเฟสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปียังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้อีกมาก ตามงบประมาณรัฐปี 2557 ที่จะเริ่มใช้ในเดือน ต.ค.นี้
ในขณะที่กลุ่มบริษัทสามารถ และตนเองได้เข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น รวมทั้งหมด 9% โดยแบ่งเป็นกลุ่มสามารถประมาณ 4% และในนามกลุ่มวิไลลักษณ์กับส่วนตัวรวมกัน 5% คิดเป็นมูลค่าหุ้นราว 200 ล้านบาท
โดยมองถึงโอกาสในการสร้างรายได้ระยะยาวจากการทำตลาดซิม ไอโมบาย 3GX ในการแถมซิมร่วมกับการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโนเกียเพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้งาน หวังที่จะสร้างรายได้ระยะยาวจากผู้ใช้งาน และยังมีการเข้าไปต่อยอดธุรกิจในส่วนของ ทรังค์ โมบายล์ ระบบดาต้าเซ็นเตอร์ และบรอดแบนด์ในอนาคต
“การที่เข้าไปถือหุ้นไม่เกิน 10% เพราะมองว่าในกลุ่มสามารถก็มีธุรกิจของไอโมบายอยู่แล้ว ถ้าเข้าไปถือหุ้นมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำตลาดมือถือโนเกียของเอ็มลิ้งค์ เพราะอาจเกิดประเด็น conflict of interest ได้ และเชื่อว่าหลังเข้าไปถือหุ้นพร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจของเอ็มลิ้งค์จะทำให้สามารถคืนทุนได้ใน 1-2 ปี”
ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจสามารถ ไอโมบาย ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือไปได้ทั้งหมด 9 แสนเครื่อง และเมื่อถึงสิ้นปีก็น่าจะได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ 3.5-3.6 ล้านเครื่อง ส่วนลูกค้า 3GX ในปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานอยู่ 3 แสนราย และคาดว่าถึงสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 6 แสนราย
Company Relate Link :
Samart
ที่มา: manager.co.th