3G เกิดดันยอด iFox สิ้นปี 360 ล้านบาท ชูจุดเด่นรองรับทุกความถี่ทุกโอเปอเรเตอร์ โชว์ยอดผู้ใช้แอร์การ์ดบน 3G สูงสุดกว่า 50,000 ราย จากส่วนแบ่งตลาดรวมแอร์การ์ด 15%
นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด ผู้ผลิตและจำหน่ายแอร์การ์ด iFox กล่าวถึงภาพรวมการเติบโตของตลาดแอร์การ์ดในประเทศไทยหลังจากมีการให้บริการ 3G ว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
"ถ้ามองย้อนไปปี 53 มีจำนวนแอร์การ์ด 3G เพิ่มขึ้นในตลาดกว่า 500% ขณะที่ปีนี้เชื่อว่าจะเติมโตราว 200% โดยปัจจัยที่ทำให้ช่วงปี 53 มีอัตราการเติบโตจำนวนมาก เนื่องจากทีโอที เริ่มให้บริการ 3G ที่คลื่นความถี่ 2.1 GHz"
ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของแอร์การ์ดทั้ง EDGE และ 3G ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไอฟ็อกซ์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 15% รองจากเอไอเอสที่มีส่วนแบ่งอยู่ 46% ส่วนดีแทคมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14%
"ต้นปีเราตั้งเป้าจำหน่ายแอร์การ์ดไว้ที่ 300 ล้านบาท แต่จากกระแสช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทปรับเป้าเพิ่มเป็น 360 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ โดยจุดเด่นของแอร์การ์ด iFox คือสามารถรองรับ 3G ได้ทุกคลื่นความถี่ที่ให้บริการในประเทศไทย"
ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 3G ทั้งหมดราว 2 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ใช้งานผ่านแอร์การ์ดของ iFox ราว 5 หมื่นคน จากผู้ใช้งานทั้งหมดราว 2 แสนคน ส่วนที่เหลือจะเป็นการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต
"การเข้ามาของแท็บเล็ตอาจทำให้อัตราการเติบโตของแอร์การ์ดลดน้อยลง แต่เชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องใช้งานแอร์การ์ดร่วมกับโน้ตบุ๊กที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ในการทำงานอยู่ดี"
ระดับราคาแอร์การ์ด 3G ของ iFox อยู่ในช่วง 1,000 - 4,000 บาท ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายได้มากที่สุดอยู่ในช่วง 1,500 บาท ส่วนรุ่นที่ดีที่สุดคือ iFox 212HSPA+ อัตราดาวน์โหลดสูงสุด 21.6 Mbps อัปโหลด 5.76 Mbps จะอยู่ที่ 3,290 บาท
ด้านช่องทางจำหน่ายของ iFox ในปัจจุบันจะเน้นขายผ่านหน้าร้านค้าไอทีทั่วไป รวมกับร้านหนังสือซีเอ็ด ที่มีสาขาทั่วประเทศ ส่วนในอนาคตวางแผนไว้ว่าจะขยายไปตามร้านค้ามือถือ จากช่องทางจำหน่ายของสินค้าในเครือบริษัทอย่างฟิลม์กันรอย
Company Related Link :
iFox
ที่มา: manager.co.th