"ไอที เวิร์คส" ขยายตลาดเครื่องสแกนลายนิ้วมือไปเวียดนามและญี่ปุ่น หวังปั้นรายได้ช่วงเศรษฐกิจขาลง ชี้ลูกค้าไทยชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่การแข่งขันด้านราคากลับสูงขึ้น เผยรายได้ 4 เดือนแรกโตเพียง 5% ปีนี้ตั้งเป้าโตเท่าปีที่แล้ว
นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอที เวิร์คส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตรวจสอบความเป็นตัวตนแบบไบโอเมตริก หรือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ยี่ห้อ ไอที เวิร์คส (IT WORKS) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้บริษัทได้ขยายตลาดเครื่องสแกนลายนิ้วมือไปยังต่างประเทศ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการจัดตั้งสำนักงานสาขาในประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในสัปดาห์หน้านี้ บริษัทเตรียมเข้าไปดูสถานที่ในการจัดตั้งสำนักงานสาขาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ติดต่อหาตัวแทนจำหน่ายในทั้งสองประเทศนี้ได้แล้ว และจะทำการขยายจำนวนเพิ่มมากขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาตลาดใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งช่วงนี้ประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ส่งผลให้ตลาดเครื่องสแกนลายนิ้วมือได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากลูกค้ามีการควบคุมค่าใช้จ่ายและชะลอการตัดสินใจซื้อช้าลง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2552 นี้ บริษัทมีรายได้เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 5% เท่านั้น และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตเท่ากับปีที่แล้ว คือ มีรายได้ 80 ล้านบาท
"เราผลิตซอฟต์แวร์ในไทย แต่เราโออีเอ็มฮาร์ดแวร์มาจากต่างประเทศ และในปีนี้ถ้าเราทำรายได้เท่ากับปีที่แล้ว ก็ถือว่าดีแล้ว" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าลูกค้าจะเริ่มชะลอการตัดสินใจซื้อช้าลง แต่โดยภาพรวมของตลาด ก็ยังมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น เพราะยังมีลูกค้าอีกหลายองค์กรยังไม่ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปใช้ในสำนักงาน ในด้านการแข่งขันปีนี้ถือว่ามีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านราคา เนื่องจากมีผู้ให้บริการหลายรายเข้ามาแข่งขันในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน
โดยขณะนี้มีจำนวนผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งหมด 5 ราย แต่ถ้ารวมรายเล็กด้วย อีกหลายสิบราย ซึ่งบริษัทเองก็มีการปรับตัวการแข่งขัน ด้วยการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าด้วยเช่นเดียวกัน
"การแข่งขันในตลาด ไม่ได้แข่งขันด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่จะเป็นการแข่งขันทางด้านการตลาด โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ส่วนการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ปีนี้เราเตรียมเปิดตัวทั้งหมด 3-4 รุ่น จากปัจจุบันเรามีสินค้าจำหน่ายในตลาดทั้งหมด 4-5 รุ่น" นายณัฐวุฒิกล่าวและว่า
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท คือลูกค้าเอกชน โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ทำธุรกิจบริการและโรงงานต่างๆใช้บริการสินค้า ซึ่งสัดส่วนมาจากลูกค้าธุรกิจบริการประมาณ 50% และโรงงาน 50%
ที่มา: thannews.th.com