เตรียมเป็นคุณแม่ "ลียองเอ-แดจังกึม" กำหนดคลอดลูกสาวเดือนหน้า

[Nick]

      KBS World - มีรายงานข่าวถึงกำหนดคลอดของซุปเปอร์สตาร์แดนกิมจิ "ลียองเอ" ผู้โด่งดังจากซีรีส์เรื่อง "แดจังกึม" ที่ช่วงหลัง ๆ เก็บตัวเงียบ และใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเรียบง่าย ว่าน่าจะเป็นในช่วงเดือนหน้า โดยดาราสาวคนดังได้ฝากครรภ์ ไว้กับโรงพยาบาลชองดัมดง ในกรุงโซล
       
       ภายหลังเข้าสู่ประตูวิวาห์กับนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้เมื่อปี 2009 นักแสดงหญิงผู้โด่งดังที่สุดในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ยุคปัจจุบัน ลียองเอ เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ค่อยเผยถึงเรื่องส่วนตัวของตนเองให้กับสาธารณะชนทราบนัก นอกจากเคยให้ข่าวสั้น ๆ ว่า เธอขอใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงนี้กับการศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก และเตรียมตัวเป็นคุณแม่
       
       ซึ่งแม้เจ้าตัวและสามีจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับการมีทายาทในครั้งนี้ แต่ก็มีข่าวลือต่าง ๆ ออกมาเป็นระยะ อาทิ ข่าวที่ว่า ลียองเอ อุ้มท้องลูกฝาแฝด
       
       ขณะที่ล่าสุด KBS World อ้างข้อมูลจากคนใกล้ชิดของเธอ ที่ยืนยันว่าทายาทของ ลียองเอ และสามี ที่กำลังจะลืมตาดูโลก จะเป็นลูกสาว โดยกำหนดคลอดก็จะเป็นในช่วงเดือนหน้านี้แล้ว "ลียองเอ ดีใจมาก ๆ หลังจากได้ยินเรื่องนี้จากคุณหมอ ที่ว่าเธอกำลังจะได้ลูกสาว ซึ่งมีการคาดหวังกันมาก ว่าจะเป็นลูกสาวที่สวยน่ารักเหมือนคุณแม่แน่ ๆ ส่วนกำหนดคลอดจะอยู่ในช่วงประมาณกลางเดือน ก.พ. แต่เพราะนี่เป็นท้องแรกของเธอ มันจึงอาจจะล่าช้ากว่านั้นไปสักประมาณ 1 สัปดาห์"
       
       โดยระหว่างนี้ ดาราสาวก็เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดอย่างเต็มที่ โดยการหลีกเลี่ยงที่จะออกไปไหนมาไหนนอกบ้าน ในยามที่กรุงโซลปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็นของฤดูหนาวเช่นนี้ เธอยังเตรียมตัวสำหรับการทำหน้าที่เป็นคุณแม่ ด้วยซื้อข้าวของที่จำเป็นสำหรับเด็กอ่อนเก็บเอาไว้ทั้งหมดแล้ว และยังแพ็คกระเป๋าเก็บเพื่อการไปนอนโรงพยาบาล สำหรับกำหนดการคลอดในเดือนหน้า เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย โดยตอนนี้ ลียองเอ จะออกกำลังกายเบา ๆ ในแต่ละวัน และรอยคอยที่จะได้พบกับหน้าลูก
       
       ซึ่งข่าวจากเกาหลีใต้ยังอ้างว่า สิ่งเดียวที่ดาราชื่อดังชาวกิมจิยังไม่ได้ตัดสินใจก็คือ แผนเกี่ยวกับการพักฟื้นหลังการคลอด ว่าจะเลือกที่โรงพยาบาลชองดัมดง หรือไปใช้สถานที่อื่นดี โดยคนใกล้ชิดระบุว่า ลียองเอ ต้องการสถานที่ซึ่งเป็นส่วนตัวที่สุดสำหรับตัวเอง และการดูแลลูกน้อย
       
ที่มา: manager.co.th