สตีฟฟ์ บอลล์เมอร์ ซีอีโอไมโครซอฟต์
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) แย้มแผนระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันต่อไป "Windows 8" อาจพร้อมแจ้งเกิดในปีหน้าหรือ 2011 โดยคาดว่าจะมาพร้อมร้านจำหน่ายแอปพลิเคชันสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีนามว่า Windows App Store ลักษณะเดียวกับร้าน Mac App Store ซึ่งแอปเปิลแถลงข่าวเปิดตัวพร้อมกับระบบปฏิบัติการแมคอินทอชใหม่ล่าสุดในชื่อ Mac OS X Lion เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้านวินโดวส์รุ่นเก๋าอย่าง Windows XP ได้ฤกษ์ม้วนเสื่ออย่างเป็นทางการ โดยวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 53 คือวันสุดท้ายที่ไมโครซอฟท์จำหน่าย XP แก่ผู้ผลิตพีซี OEM เพื่อนำไปติดตั้งในพีซีเครื่องใหม่จากโรงงาน
ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการเปิดตัววินโดวส์เวอร์ชันใหม่ Windows 8 ในเว็บไซต์ไมโครซอฟท์เนเธอร์แลนด์ โดยระบุว่าไมโครซอฟท์ลงมือพัฒนาวินโดวส์เวอร์ชันใหม่มานานกว่า 1 ปีแล้ว ทำให้กำหนดการพัฒนา Windows 8 เหลือเวลาอีก 2 ปีนับจากนี้ ซึ่งการเปิดตัว Windows 8 อาจจะทำได้อย่างเร็วในปี 2011 ก่อนจะเริ่มเปิดให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในปี 2012
ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า Windows 8 จะมาพร้อมบริการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันออนไลน์นามว่า Windows App Store เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้พีซีสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจากนักพัฒนาอิสระ และซื้อคอนเทนต์ได้อย่างหลากหลายไม่ต่างกับการดาวน์โหลดบนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อการลงชื่อใช้งานโดยไม่ต้องเคาะแป้นพิมพ์ ขณะเดียวกันก็ลดเวลาการเปิดเครื่องหรือ boot-up ให้เร็วขึ้น
Windows App Store ถูกตั้งข้อสังเกตว่าคล้องกับการเปิดตัวร้านจำหน่ายซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องแมคอินทอชนาม Mac App Store ซึ่งแอปเปิลให้รายละเอียดไว้ในงานเปิดตัวระบบปฏิบัติการแมคอินทอชใหม่ล่าสุด Mac OS X 10.7 ในชื่อ Mac OS X Lion เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อคำนวณจากแผนของแอปเปิลที่จะดึงคุณสมบัติในระบบปฏิบัติการ iOS ซึ่งแอปเปิลติดตั้งในอุปกรณ์พกพามาสู่เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ก็ทำให้มีโอกาสสูงที่ไมโครซอฟท์จะพัฒนาความสามารถลักษณะเดียวกันเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน กำหนดการออกลายของ Lion จากแอปเปิลคือฤดูร้อนปี 2011
ระยะห่าง 3 ปีในการออกระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับไมโครซอฟท์ เนื่องจากที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ใช้เวลาในการพัฒนาโปรแกรมระบบปฏิบัติการนานกว่าคู่แข่งอย่างแอปเปิลอยู่เสมอ โดยแม้ไมโครซอฟท์จะส่ง Windows 7 สู่ตลาดในเวลาคล้อยหลัง Windows Vista เพียง 2 ปีครึ่ง แต่ไมโครซอฟท์ก็เคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการออก Vista ล้าช้าจนทำให้ช่วงเวลาระหว่าง Windows XP และ Vista ห่างกันไปถึง 5 ปี ซึ่งถือเป็นโรคเลื่อนที่เป็นบาดแผลให้ซีอีโอไมโครซอฟท์อย่าง Steve Ballmer ต้องรับศึกหนักกับบรรดานักลงทุน
ความเคลื่อนไหวนี้ของไมโครซอฟท์เกิดขึ้นตามหลังการเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของการวางจำหน่าย Windows 7 ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันปัจจุบันที่ไมโครซอฟท์กำลังทำตลาดอยู่ในขณะนี้ โดยไมโครซอฟท์ประกาศความสำเร็จว่าสามารถจำหน่ายสิทธิ์ในการใช้งานต่อเครื่อง (ไลเซนส์) โปรแกรมได้สูงถึง 240 ล้านไลเซนส์ในปีเดียว ผลจากการที่พันธมิตรผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หรือ OEM partner ของไมโครซอฟท์ทั้งหมด (100%) ตอบรับเพื่อจำหน่ายพีซีระบบปฏิบัติการวินโดวส์เซเว่นในช่วง 6 เดือนแรกของการเปิดจำหน่าย เป็นสัดส่วนที่สูงกว่าการจำหน่ายวินโดวส์วิสตา (Windows Vista) ซึ่งผู้ผลิตเพียง 70% เท่านั้นที่ตอบรับในช่วงแรก
** ม้วนเสื่อ XP **
สำหรับระบบปฏิบัติการเก่าแก่ Windows XP ไมโครซอฟท์ระบุว่าจะหยุดการอนุญาตให้ผู้ผลิตพีซี OEM ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP ในคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่จากโรงงานเพื่อวางจำหน่าย ถือเป็นการสิ้นสุดของวงจรชีวิต Windows XP ซึ่งไมโครซอฟท์เริ่มหยุดการสนับสนุนอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่กลางปี 2008
ผลิตภัณฑ์ที่จะได้รับผลกระทบจากเส้นใต้ที่ไมโครซอฟท์ขีดไว้สำหรับ Windows XP ครั้งนี้คือกลุ่มตลาดพีซีราคาประหยัดซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดกำลังพัฒนา ไมโครซอฟท์เข้าใจดีว่าตลาดนี้ยังไม่เปิดรับ Windows Vista จึงทำให้ Windows XP ถูกนำมาปรับเพื่อต่อสายป่านไมโครซอฟท์ในตลาดที่กำลังเติบโต แต่เมื่อ Windows 7 สามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างงดงาม Windows XP ซึ่งมีอายุมากกว่า 14 ปีจึงถูกวางแผนให้หลบทางเพื่อให้คลื่นลูกใหม่มาแทน
ไมโครซอฟท์ระบุว่า การสนับสนุน Windows XP ทุกรูปแบบจะยุติลงอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ปี 2014
Company Related Link :
Microsoft
ที่มา: manager.co.th