Author Topic: สินค้าขยับเข้าหา"โซเชียลเน็ตเวิร์ก" "ดิจิทัลเอเยนซี่"แห่แจ้งเกิดรับยุคทอง  (Read 1155 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Reporter

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1093
  • Karma: +8/-0
  • Gender: Male
    • ซ่อมคอมเชียงใหม่

สินค้าขยับเข้าหา"โซเชียลเน็ตเวิร์ก" "ดิจิทัลเอเยนซี่"แห่แจ้งเกิดรับยุคทองสื่อออนไลน์


 
จับตาเทรนด์โฆษณาออนไลน์โตสวนกระแสตลาดโฆษณา เผยการสร้างแบรนด์ผ่าน "เครือข่ายทางสังคม-บล็อกมาร์เก็ตติ้ง" มาแรง ขณะที่ดิจิทัลเอเยนซี่แจ้งเกิดจำนวนมาก แต่ติดปัญหาบุคลากรที่มีความเข้าใจทำให้เป็นอุปสรรคการขยายตัวของตลาดโฆษณาออนไลน์ เผยเอเยนซี่สนใจพัฒนาแอปพลิเคชั่นโฆษณาออนไลน์บน ไอโฟน สร้างโอกาสโมบายมาร์เก็ตติ้ง แต่ยังติดปัญหาจำนวนคนใช้ยังต่ำ


นายกติกา สายเสนีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็มอีซี อินเตอร์แอกชั่น จำกัด เอเยนซี่การตลาดและโฆษณาสื่อดิจิทัล ภายใต้เครือมีเดียเอดจ์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมของธุรกิจโฆษณาออนไลน์ปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% แม้ว่าเม็ดเงินของธุรกิจโฆษณาในตลาดรวมมีแนวโน้มลดลง จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่สังเกตจากงานและลูกค้าที่เข้ามาติดต่อพบว่าลูกค้าหันมาเลือกใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น

ขณะที่ได้ลดงบฯโฆษณาผ่านสื่อทีวี หรือบางรายหันมาเลือกใช้สื่อออนไลน์จากที่ไม่เคยใช้มาก่อน ทำให้คาดว่าตลาดโฆษณาออนไลน์ปีนี้จะขยายตัว

นอกจากนี้ยังสังเกตได้จากบริษัท ดิจิตอล มีเดีย เอเยนซี ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่บางแห่งเป็นการเพิ่มแผนกดิจิทัลมีเดียขึ้นมารองรับการเติบโตของตลาด แต่ติดปัญหาเรื่องบุคลากรที่รู้เรื่อง และเข้าใจดิจิทัลมีเดียไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถรองรับความต้องการของตลาดได้

จากมูลค่าตลาดโฆษณาปีนี้ มีประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับโฆษณาออนไลน์ประมาณ 1% เท่านั้น ซึ่งอาจขยับขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย เพราะยังติดปัญหาเอเยนซี่ที่มีความพร้อมยังมีไม่มาก ทำให้ไม่สามารถขยายตัวได้มากเท่าที่ควร โดยผู้ประกอบการที่มีการลงโฆษณาออนไลน์มากที่สุด คือ กลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์, กลุ่มโทรคมนาคม, รถยนต์และสถาบันการเงิน เป็นต้น

"สื่อดั้งเดิมยังไม่หายไป เพราะบางครั้งจำเป็นที่จะต้องลงโฆษณาและลูกค้ายังมีความเชื่อมั่นว่าจำเป็นต้องใช้อยู่ แต่จากแนวโน้มตอนนี้พบว่าจำนวนผู้อ่านแมกาซีนและฟังวิทยุลดลง และหันมาเปิดหนังสือเวอร์ชั่น ออนไลน์ และฟังวิทยุออนไลน์แทน รวมถึงสื่อหนังสือพิมพ์ด้วยที่ปัจจุบันหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับเริ่มหันมาโฟกัสที่สื่อออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่ไม่เคยโฟกัสมาก่อน" นายกติกากล่าวและว่า

โฆษณาประเภทแบนเนอร์และเสิร์ช มาร์เก็ตติ้งของกูเกิล ยังเป็นรูปแบบโฆษณาออนไลน์ที่ลูกค้าให้ความสนใจมากที่สุด โดยเฉพาะเสิร์ชมาร์เก็ตติ้ง เพราะเห็นผลได้ชัดเจน และคุ้มค่าการลงทุน เมื่อเทียบกับโฆษณารูปแบบอื่นๆ เพราะพฤติกรรมของคนในปัจจุบันมีการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก่อนเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ปีนี้พบว่ารูปแบบโฆษณาที่กำลังมาแรงในไทย คือ social media marketing และ blog marketing เพื่อใช้ในการบริหารจัดการแบรนด์ โดยมีเจ้าของสินค้าหลายๆ รายให้ความสนใจ เข้าไปสร้างโปรไฟล์ข้อมูลของแบรนด์และสินค้า ในโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างไฮไฟฟ์ หรือเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารโต้ตอบกับคอมมิวนิตี้ รวมถึงการอัพเดตข้อมูลและกิจกรรมการตลาดต่างๆ

"บล็อกและเครือข่ายทางสังคม หรือแม้แต่เว็บบอร์ดมีลักษณะของการโต้ตอบ ดังนั้นเจ้าของสินค้าบางรายก็จ้างให้เอเยนซี่ทำหน้าที่มอนิเตอร์ว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทหรือสินค้าของบริษัทใน โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างไรบ้าง ถ้ามีข้อมูลในแง่ลบออกมาเจ้าของสินค้าก็จะเข้าไปชี้แจงหรือแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งตอนนี้จึงพบลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างๆ หันมาใช้บริการรูปแบบดังกล่าวมากขึ้น 10-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา"

นายกติกากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือทางการตลาดทางออนไลน์ประเภทโมบายมาร์เก็ตติ้ง ที่เริ่มมีการพูดถึง เพราะประชากรไทย 65 ล้านคนมีผู้ใช้มือถือ 47 ล้านคน ทำให้เป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจโฆษณา แต่ถึงกระนั้นก็ตาม รูปแบบที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในไทยใช้ คือ โฆษณาผ่านเอสเอ็มเอส ขณะที่โฆษณารูปแบบอื่นๆ เช่น wapsite, แอปพลิเคชั่นบน มือถือ ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

ปีนี้คาดว่าโมบายมาร์เก็ตติ้งจะมีผู้สนใจมากขึ้น เพราะการใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตมีจำนวนมากขึ้น และการเชื่อมต่อ GPRS รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะการเข้ามาของไอโฟน ทำให้ยอดผู้ใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทเอเยนซี่ก็มีแนวคิดจะเสนอโมเดลการทำโฆษณาผ่านแอปพลิเคชั่นบนไอโฟนด้วย

"ไอโฟนมีฟังก์ชั่นใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ง่ายกว่ามือถือระบบปฏิบัติการอื่นๆ ทำให้การใช้งานเว็บผ่านมือถือเริ่มมากขึ้น ซึ่งข้อมูลจากทรูฮิตระบุว่า ผู้ใช้ไอโฟนมีการเล่นเว็บผ่านมือถือจำนวนเกือบ 8 หมื่นเพจวิวต่อวัน แต่คิดเป็น UIP ประมาณ 450 คนเท่านั้น ขณะที่โนเกียประมาณ 5 หมื่นเพจวิวต่อวัน มี UIP ประมาณ 8,200 คน แสดงให้เห็นว่าลูกเล่นของไอโฟนเอื้อต่อการใช้อินเทอร์เน็ต แม้ว่าจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าแต่จำนวนเพจวิวนั้นสูงกว่า"

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญในการพัฒนาโฆษณาบนไอโฟน คือจากข้อมูลทรูฮิต จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนไอโฟนยังมีน้อยเกินไป ทำให้ลูกค้ายังไม่สนใจที่จะทำตลาด หากมียอดถึง 1 หมื่นคนอาจช่วยให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างๆ ตัดสินใจง่ายขึ้น และเอเยนซี่สามารถนำสื่อประเภทไอโฟนนี้ไปขายกับลูกค้าได้ง่ายขึ้นด้วย

ที่มา: matichon.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
7296 Views
Last post February 14, 2009, 12:00:18 AM
by Webmaster
0 Replies
3269 Views
Last post February 21, 2009, 09:50:39 AM
by Nick
0 Replies
4044 Views
Last post March 03, 2009, 06:03:22 PM
by Reporter
0 Replies
6036 Views
Last post March 03, 2009, 06:05:12 PM
by Reporter
0 Replies
2706 Views
Last post March 06, 2009, 11:17:31 PM
by Reporter
0 Replies
2617 Views
Last post March 10, 2009, 08:43:28 AM
by Reporter
0 Replies
1907 Views
Last post March 10, 2009, 10:03:22 AM
by Reporter
0 Replies
2492 Views
Last post March 13, 2009, 05:36:43 PM
by Reporter
0 Replies
2500 Views
Last post March 23, 2009, 11:59:20 PM
by Reporter
0 Replies
2878 Views
Last post April 02, 2009, 04:30:45 PM
by Reporter