“น้ำ” รับห่าง “แนน” แล้ว 3 สัปดาห์ เผยฝ่ายหญิงเป็นคนขอห่าง เพราะทนปัญหาตนติดเพื่อนไม่ได้ เปรยไม่แน่ใจสถานะ แต่ดาราสาวห้ามตนเรียกแฟนเหมือนก่อน ลั่นแม้ห่างกันแต่ยังแอบหวังให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าสาวในอนาคต พร้อมยันข่าวฝ่ายหญิงแอบกิ๊ก “ต่าย” ไม่เป็นความจริง
อุตส่าห์ประกาศหยุดความเจ้าชู้ ยอมลบลายคาสโนว่า เพื่อทุ่มเทความรักให้กับดาราสาว “แนน ปิยะดา ดุรงคกุล” อย่างจริงจัง และแม้พักหลังมีข่าวระหองระแหงของหนุ่ม “น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล” กับสาว “แนน” ออกมาบ่อยๆ แต่ดาราหนุ่มก็พยายามปรับปรุงตัวตามงอนง้อขอคืนดีแฟนสาวสำเร็จทุกครั้ง แต่ล่าสุดความรักกว่า 3 ปีของทั้งคู่ก็ถึงคราต้องปิดฉากลงแล้ว เมื่อสาว “แนน” ได้เป็นฝ่ายบอกขอถอยห่างเพื่อมาทบทวนความสัมพันธ์ และห้าม “น้ำ” เรียกตนว่าแฟนอีก งานนี้ทำเอาดาราหนุ่มถึงกับทำหน้าหงอย พร้อมเผยกับผู้สื่อข่าวว่า...
“ตอนนี้ก็โอเค (ยิ้มเจื่อนๆ) เราตกลงว่ายังห่างกัน แต่ยังสามารถคุยกันได้ ถามสารทุกข์สุขดิบกันว่าเป็นไง แสดงความเป็นห่วง ความคิดถึงกันได้ แต่เราก็จะเว้นระยะห่างให้ได้ใช้ความคิดแต่ละคน ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในฐานะอะไรกันนะ เพราะเขาไม่ให้ผมเรียกเขาว่าแฟน ผมก็ไม่รู้นะว่า ระหว่างผมกับเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้หรือเปล่า แต่เมื่อก่อนเรางอนกันหรือทะเลาะกัน อย่างมากมันก็สักอาทิตย์นึงไม่เกินสองอาทิตย์ แต่นี่มันก็ยาวเหมือนกัน สักสามอาทิตย์ได้แล้วมั้ง”
“โอกาสที่จะกลับมามันมีมากน้อยแค่ไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าระหว่างเรา มันคือสิ่งที่น่าจะชัวร์ น่าจะแน่นอน ผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้ในความรู้สึกผม ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเรื่องไม่แน่นอนแล้ว แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดี ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดนั้น พอห่างกันมันเหมือนมีอะไรขาดหายไป แต่ใจก็ยังอยู่ที่เดิมนะ ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าอะไรมันขาดไป แต่ผมไม่รู้ว่าอะไร”
“ผมได้อ่านที่แนนคุยกับพี่ๆ ว่า เขาเองก็รู้สึกเหงา เมื่อก่อนเราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ความรู้สึกของผมเองก็คงจะอารมณ์เดียวกัน เพราะเมื่อก่อนผมเป็นคนเฉยๆ มาก ทำอะไรคนเดียวก็ทำได้ แต่เขาทำให้ผมกลายเป็นคนติดแฟน เดี๋ยวนี้ผมทำอะไรคนเดียวผมไม่ได้เหมือนกัน ถามว่ามีเสียน้ำตาบ้างไหม ผมก็พยายามจะไม่อยู่คนเดียวนะ แต่โชคดีที่ช่วงนี้มันมีงานทำ ไม่ว่าง มีอะไรให้เราได้ใช้สมาธิกับเรื่องโน้นเรื่องนี้เรื่องอื่น ไม่คิดมาก แต่ถ้าอยู่คนเดียวนี่เรื่องใหญ่ล่ะ ก็มีเสียน้ำตาบ้างนิดหน่อย แต่ครั้งนี้ผมไม่ร้องไห้นะ ไม่ได้เห็นผมหรอก”
เผยสาเหตุที่ห่าง เป็นเพราะปัญหาเดิมที่ตนเป็นคนติดเพื่อน
“สาเหตุที่ตัดสินใจห่างในส่วนของผมที่คิดนะ เวลามันทำให้เป็นสองแบบ เวลาทำให้คนผูกพันกัน รู้จักรู้ใจกันมากขึ้น แต่ในอีกมุมนึง เวลาก็ทำให้คนเราเห็นกันด้านที่ไม่ดีของกันและกันมากขึ้น ความผิดซ้ำๆ ครั้งแรก ครั้งที่สอง อาจจะให้อภัยได้ ครั้งที่สามอาจจะไม่รู้เหมือนกัน เวลาเลยเป็นทั้งข้อดีข้อเสียในเวลาเดียวกัน ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้มาตลอด แต่ผมคิดว่าในระหว่างที่คบกัน ผมไม่เคยไม่ซื่อสัตย์กับเขา แค่นั้นพอไหม มันก็ยังไม่พออยู่ดี แต่เราก็เข้าใจเขานะ ว่าเขาคิดจริงจัง เราเองก็จริงจังนะ แต่เขาเองคงมองในระยะยาวว่า ถ้ามันเป็นปัญหาที่เขาไม่ชอบแบบนี้เรื่อยไป สักวันนึงคงอยู่กันไม่ได้หรอก สู้มาคุยแล้วตกลงกันตอนนี้เลยดีไหม ผมว่ามันก็โอเค”
“เราอาจจะมีพื้นฐานทางครอบครัวการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน อย่างผมเองเป็นคนติดเพื่อน ตลอดเวลาเราเองก็พยายามปรับจูนกันมาตลอด ผมก็เที่ยวน้อยลงแล้ว แต่มันคงจะยังไม่พอ เพราะครอบครัวของเขา พ่อเขาก็ไม่ใช่คนเที่ยว ไม่ไปสังสรรค์ เขามีพี่ชาย พี่ชายของเขาก็ไม่ได้เป็นแบบผม มันก็เลยมีปัญหากัน ผมรู้ว่าเขาหวังดีกับผม แต่นี่มันก็คือผมไง ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว”
ยันข่าวลืออดีตแฟนสาวหันไปกิ๊กพระเอกหนุ่ม “ต่าย นัฐฐพนธ์ ลียะวณิช” ไม่เป็นความจริง หลังมีคนเห็นทั้งคู่ควงกันช้อปปิ้งที่สวนจตุจักร
“บอกเลยว่าเรื่องเขากับต่ายไม่เป็นความจริง อันนั้นเหมือนมีคนโยงต่อว่าเหตุการณ์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่ เราคุยของเราเอง ตกลงกันระหว่างคนสองคนว่าเราจะยังไง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เขาไปเดินด้วยกันก่อนที่เราจะตัดสินใจห่างกันนะ แต่ไม่เกี่ยวกัน ผมรู้วันนั้นที่เขาไปเดิน เขาก็บอกผมว่าวันนี้เลิกกองเร็วนะ เดี๋ยวเขาจะไปเดินเล่นกับพี่ๆ ที่กอง ซึ่งก็มีพี่ต่าย พี่อุ๊ เพื่อนผมก็ขายเสื้ออยู่จตุจักร ก็เห็นก็ไปนั่งด้วย ไม่มีอะไร และผมกับพี่ต่ายรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว”
ลั่นถึงกลับมาเป็นโสด ก็คงไม่คิดกลับไปเป็นคาสโนว่าเหมือนก่อน และเชื่อว่าแฟนสาวเองก็ยังไม่คิดมีใครเช่นกัน
“ไม่รู้ต้องตามดู แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว วันนี้ผมเปลี่ยนไปจากคนเมื่อ3ปีที่แล้วนะ 3 ปีที่แล้วจะเป็นอีกแบบนึง ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นเหมือน3 ปีที่แล้ว แล้วคิดว่าผมเองก็คงกลับไปเป็นอย่างก่อนไม่ได้แล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ผมคิดตลอดเวลาว่าอะไรก็ไม่แน่นอน ตอนนี้ผมคงยังไม่สามารถมีใครใหม่ได้ ผมว่าผมอยู่นิ่งๆ อย่างนี้สักพักก็น่าจะดี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ดิ้นรนแล้วเจ็บตัวอยู่นิ่งๆ ดีกว่า ตัวผมเองก็เชื่อว่า แนนเองก็ยังไม่มีใครเหมือนกัน”
ที่มา: manager.co.th
