ต้อง ศุภัชญา รื่นเริง
ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม
“ธันญ์” ยอมรับรัก 7 ปีกับ “ต้อง” พังทลายลงแล้ว อุบใครบอกเลิก โชว์แมนตนผิดเองที่พยายามไม่พอ รับยังเสียใจและยังเป็นห่วงอดีตแฟนเสมอ โต้ “ยุ้ย” เป็นมือที่สาม ยันตนไม่ใช่คนเจ้าชู้อย่างที่ใครๆ คิด รับมีสาวเข้ามาคุยแต่ขอมุงานก่อน
มีข่าวว่าความรักที่กระท่อนกระแท่นของดาราหนุ่ม “ธันญ์ ธนากร” กับดาราสาว “ต้อง ศุภัชญา รื่นเริง” ถึงจุดสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวรักร้าวออกมา กับกระแสข่าวที่ว่านางเอกสาว “ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม” เข้ามาแทรกกลางเป็นมือที่ 3 แต่ทั้ง “ธันญ์” และ “ต้อง” ก็ยังออกมาปฏิเสธอยู่เรื่อยๆ และย้ำว่ารักยังหวานเหมือนเดิม แต่สุดท้ายเมื่อไม่นานมานี้ดาราสาวเผยว่าได้ปิดฉากรัก 7 ปีกับแฟนหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งล่าสุดได้เจอตัวหนุ่ม “ธันญ์” ในการถ่ายโปสเตอร์สโมสรฟุตบอล "สยามสตาร์ ยูไนเต็ด" ที่สตูดิโอนิวเบรน ย่านเหม่งจ๋าย เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเลิกกันแล้วจริง แต่ปัดไม่ขอบอกใครเป็นฝ่ายขอเลิก
"ก็อย่างที่ในข่าวออกมาว่าเลิกจริงๆ ครับ แต่ใครขอเลิกมันไม่เกี่ยวหรอก ผมว่าเป็นเรื่องคนสองคนมากกว่า ไม่มีใครถูกใครผิดอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องความพอใจ ความต้องการของแต่ละคน ว่าเขาต้องการในสิ่งที่เขาเป็นไหม สิ่งที่เราต้องการคือ คนที่เรารักมีความสุขที่ต้องการแบบนั้น ก็ต้องยินดีแล้วเต็มใจ ก็โอเคครับ”
“จริงๆ ผมไม่อยากพูด พยายามเงียบๆ มานาน เพราะผมไม่อยากพูดเรื่องที่เสียใจ ตอนนี้ก็มีแต่คนถามตลอด ผมเหนื่อย ไม่อยากตอบ อยากไปเตะบอลมากกว่า แต่เราไม่ตอบก็ไม่ได้ เพราะชีวิตเราก็อยู่หน้าสื่ออยู่แล้ว เราทำงานวงการบันเทิง ไม่พูดก็ไม่ได้ ก็ต้องพูด ผมว่าผมผิดเองแหละ เวลากลับมาบ้านก็ส่องกระจก ก็คิดว่าผมผิดเองที่ยังพยายามไม่พอนะ แต่อย่างที่บอกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป เขาก็ต้องมีความฝันที่ต้องทำ เราก็มีความฝันที่ต้องทำ"
"เราก็ยังอยากเจอเขานะ เราก็ยังห่วงใยเหมือนเดิม คิดถึงเหมือนเดิม ยังหวังดี ให้สิ่งดีๆ กับเขาเหมือนเดิม แต่ที่บอกว่าเพราะผมเจ้าชู้เขาถึงขอเลิกเนี่ย ถามหน่อยผมเจ้าชู้ตรงไหนครับ ผมเจ้าชู้มากเหรอ ผมมีข่าวทุกวันเหรอ อย่างที่บอกพอเดินกับใครก็หาว่าธันญ์เจ้าชู้ ผมไปเดินกับใคร ก็ไปกับผู้จัดการตัวเอง เดินกับโดราเอมอนของผมที่เป็นเออาร์ ผู้จัดการ คนก็คิดไป ถ่ายรูปไป แอบถ่ายรูปครึ่งหน้า คือผมเป็นคนกันเองอยู่แล้วครับ กับคนที่ผมสนิทผมไม่ซีเรียส ที่มีข่าวกับน้องไอซ์(อธิชนัน ศรีเสวก) ก็แค่เด็กสปีดวันด้วยกัน นั่งคุยกัน ก็แล้วแต่คนจะมอง ตอนนี้ผมไม่สนใจ เพราะเรารู้ว่าเราทำอะไร เราโตแล้วแค่นั้นจบ"
บอกต่างคนต่างเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รับมีสาวๆ เข้ามาคุย แต่ยังไม่พร้อมมีใครใหม่
"ทุกคนก็เสียใจหมดแหละครับ ตอนนี้เราโสด ก็ขออยู่อย่างโสดๆ แล้วกัน อยากไปไหนก็ไป ทำงานก็ทำเต็มที่ ตอนนี้เรากำลังสร้างอนาคตอยู่แค่นี้ก็โอเค ไม่เป็นไร วันนึงวันไหนเราก็ยังเป็นห่วงเขาเหมือนเดิม ส่วนโอกาสรีเทิร์นคือตอนนี้อยากพักใจก่อน ขอทำงานก่อนดีกว่า แต่ถามว่ามีใครเข้ามาไหม ก็มี ก็ยอมรับว่ามีเข้ามาคุยบ้าง แต่ว่าเป็นเพื่อนดีกว่า อย่างที่บอกว่าทำงานดีกว่า เต็มที่กับงาน เราต้องหยุดคิดให้เยอะขึ้นในสิ่งที่เราเป็น"
"ตอนนี้ผมไม่ได้คุยกับต้องเลยประมาณเดือนกว่าๆ แล้ว คืออย่างที่บอกเราเดินอยู่ในสังคมก็เหนื่อยแล้วที่ต้องตอบคำถาม คนเราไม่มีใครอยากเล่าเรื่องที่ตัวเองเสียใจทุกวันหรอก มาเล่าทุกวัน มาย้ำตัวเองทุกวัน มันไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยอมรับว่า 7 ปีที่ผ่านมามันเร็วมาก ก็มีความสุข แต่ตอนนี้ทุกวันก็ช้ามากเลย ก็ไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เราก็มีความสุข เตะฟุตบอลอยู่กับเพื่อน ผมว่า 7 ปีที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ดีมาก ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลย ผ่านอะไรมาเยอะ รู้จักกันมาเยอะ แต่เราก็ต้องเข้าใจ เขาก็เข้าใจเราเท่านั้นเอง"
แจงภาพปาปาราซซี่ควงสาว “ยุ้ย” ไปกินข้าวที่ฟูจิ สาขาดิ อเวนิว แจ้งวัฒนะ ไปกันเป็นแก๊งค์ ปัดไปสองต่อสอง ยังย้ำนางเอกสาวเป็นแค่เพื่อนร่วมก๊วน
"ส่วนที่มีภาพผมกับยุ้ยไปกินข้าวกัน ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แก๊งค์เพื่อนเราก็ไปกินอย่างนี้ อีกอย่างนานๆ เจอกันทีมากด้วย ก็เพิ่งเจอกันเพราะไปทำงานมาด้วยกันเลยไปทานข้าว แต่ที่เห็นภาพออกมา 2 คนก็อย่างที่บอกแหละ เดิน 10 คนก็ถ่ายให้เหลือ 2 คนได้ครับ(หัวเราะ) แต่เรื่องที่เขาถูกมองเป็นมือที่ 3 ยุ้ยเขาคงชินแล้ว ชีวิตเขาอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็น 10 ปี เขาเป็นคนดีคนนึง เป็นเพื่อนที่สนิทอยู่ในก๊วน คือมันเป็นสิ่งที่คนเราคิดกันไปเองมากกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคน 2 คน อย่าไปมองคนอื่นเลยไม่เกี่ยวกัน"
"แต่ใครจะคิดก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โกรธ เฉยๆ อย่างที่บอกตอนนี้ก็พักชีวิตตัวเองก่อน แค่นี้งานก็เยอะแล้ว เครียดอยู่แล้ว ต้องทำงานหลายๆ อย่าง ทำธุรกิจส่วนตัวด้วย ถือว่าหนักเอาการอยู่เหมือนกัน ก็เหนื่อยเหมือนกัน เรามีสมองไว้คิดหลายๆ เรื่องด้วย แต่เครียดไหมก็เครียด เสียใจไปแล้ว เสียใจหนักๆ มาแล้ว แต่เราก็ต้องก้าวต่อไป แต่เรายังหวังดีกับเขาเหมือนเดิม ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าเหมือนเดิม แต่ใครผิดใครถูก โทษผมครับ ผมเป็นผู้ชาย ผมผิดเอง ผมผิดอยู่แล้วที่ผมยังพยายามไม่พออย่างที่มันควรจะเป็น แต่สำหรับผมว่าตัวเองเต็มที่ แต่ถ้าเขาคิดว่าเรายังไม่เต็มที่กับสิ่งที่เราทำหรือเป็น ก็ไม่เป็นไร เข้าใจ"
ที่มา: manager.co.th
