Author Topic: “เจ๊เบียบ” จวก “เฮียฮ้อ” เหยียบย่ำ “แอนนี่” ปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง วอนยุติการแฉให้เห็นแก่  (Read 975 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai





“เจ๊เบียบ” จวก “เฮียฮ้อ” ใช้คำพูดรุนแรงเหยียบย่ำ “แอนนี่” บอกตนพูดตามหน้าที่ไม่ลงลึกรายละเอียด และไม่คิดสาระแนเรื่องใคร แขวะบิ๊กบอสอาร์เอสฯเก่งพูดเหมือนอยู่ในห้องนอนอีกฝ่าย ต่อไปคงเก็บสถิติถึง 100 วอนยุติการแฉ อย่าคิดแต่ปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง หรือป้องเด็กตัวเอง เรียกร้องขอความเป็นเมตตาเห็นแก่เด็ก
       
       ทำเอาเกมพลิกโผ หลังจากผู้บริหารค่ายอาร์เอสฯ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ออกมาแถลงข่าว กรณีนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับความสัมพันธ์ของนักแสดงสาว “แอนนี่ บรู๊ค” ที่อ้างว่ามีลูกกับฝ่ายชายอายุ 3 เดือน โดยวานนี้ (28 ก.ย.) ผู้บริหารชื่อดังได้ออกมาแถลงข่าวพร้อมแฉว่า นอกจาก “แอนนี่” จะมีความสัมพันธ์กับหนุ่ม “ฟิล์ม” แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันยังคบผู้ชายพร้อมกันอีกถึง 3 คน ทั้งยังบอกทุกคนว่าท้องพร้อมรีดเงินคนละ 2.5 แสนบาท
       
       หลังการแถลงข่าวสิ้นสุดลง “เฮียฮ้อ” ก็โดนโจมตีได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมทั้ง “นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เจ๊เบียบ” นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ที่ได้รับฉายาเจ้าแม่แจมทุกเรื่อง ก็ได้ออกมาแสดงทัศนะถึงคำพูดของบิ๊กบอสอาร์เอสฯว่า เป็นคำพูดรุนแรงเหยียบย่ำ “แอนนี่” ไม่อยากเชื่อจะเป็นคำพูดออกมาจากปากผู้ใหญ่
       
       “ตัวพี่ไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง แต่เท่าที่ทราบพอได้ฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่า จะมีการแถลงข่าวออกมาในลักษณะนี้ออกมาจากปากของผู้ใหญ่คนนึง ฟังแล้วก็รู้สึกเศร้าหมอง และเสียใจ ณ เวลานี้ในเมื่อมันเดินมาถึงตรงนี้แล้ว มันน่าจะมาถึงจุดที่เป็นทางใครทางมัน จะให้ฟิล์มทำงานหรืออะไรต่ออะไร มันก็เป็นสิ่งที่ดีก็ทำไปเถอะ แต่ในขณะที่จะต้องทำให้อีกฝ่ายนึงถูกกระหน่ำซ้ำเติม ด้วยความรุนแรงทางคำพูด ในความเห็นของพี่รู้สึกเศร้า และเสียใจกับการที่เด็กผู้หญิงคนนึงลุกออกมาบอกกับสังคมว่า ขอโลกส่วนตัวให้เขาได้มีที่ยืนที่อยู่ เขาจะขอเลี้ยงลูกเอง แม้ว่าจะไม่มีใครรับว่าเป็นพ่อ แต่เขาก็รู้ว่าคนไหนคือพ่อของลูก”
       
       “จริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเขากับผู้ชายที่เกี่ยวข้อง แต่พอมีการออกมาแถลงข่าวในลักษณะนี้เกิดขึ้น ก็รู้สึกเศร้า เสียใจ พี่ว่าทุกอย่างมันควรจะยุติได้แล้ว ปล่อยให้เขาได้เดินทางไปตามชีวิตของเขาเองเถอะ ก็ทางใครทางมัน แล้วพี่ก็อยากจะขอความเมตตาให้กับเด็กด้วย ถ้าให้ความเมตตากับแอนนี่ไม่ได้ ก็ให้กับลูกชายเขาเถอะ พอได้แล้วพี่ขอเรียกร้อง สำหรับเรื่องนี้ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูกหรอกค่ะ การที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาของฟิล์ม เขาก็คงอยากที่จะออกมาปกป้องฟิล์ม ก็ไม่เป็นไร ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ไม่งั้นก็คงไม่พูดออกมา แต่พี่อยากจะขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ ขอให้ทุกฝ่ายยุติเรื่องราวกันได้แล้ว”
       
       “ข้อเท็จจริงจะเป็นยังไงนั้นไม่มีใครรู้ เขารู้กันเองดีอยู่สองคนระหว่างแอนนี่กับฟิล์ม หรือไม่แอนนี่ก็จะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเขามีใครมาบ้าง แอนนี่ก็บอกแล้วว่าอดีตมันก็เป็นเรื่องของอดีต ถ้าเราไปรื้ออดีตก็คงไม่ต้องเดินหน้าต่อกันแล้วสิ พี่ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พี่รู้สึกเสียใจที่มีผู้ใหญ่ออกมาให้สัมภาษณ์ ในลักษณะใช้คำพูดที่รุนแรงทางคำพูด ไหนเขาจะถูกกระทำความรุนแรงทางเพศมาแล้ว แล้วยังจะต้องมาเจอความรุนแรงทางคำพูดอีก ก็เท่ากับว่าเราไปย่ำเขาลงอีก มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเสียใจมากกับการแถลงข่าวในครั้งนี้ จะด้วยเพราะต้องการออกมาปกป้องผลประโยชน์ หรือการปกป้องคนของตัวเอง แต่ทำไมถึงได้เลือกที่จะเหยียบย่ำผู้หญิงคนนึงลงอีก ขอความเมตตาธรรมตรงนี้ให้กับเด็กด้วย ถ้าไม่เห็นแก่เขา ก็ให้เห็นแก่ลูกเขาด้วย”
       
       ส่วนกรณีที่ “นางโคมมนต์ ทองมั่น” แม่ของนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ถึงกับช็อกต้องหามส่งโรงพยาบาล หลังได้ฟังคำพูดของเจ้าตัวจวกด่าลูกชายว่า สำส่อน ชุ่ย ไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งยังร่อนจดหมายถึงพิธีกรชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ว่าอยากตายคาหน้าทีวีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สำหรับประเด็นนี้ “เจ๊เบียบ” แจงเป็นสไตล์การพูดของตัวเอง ยันไม่มีเจตนาจงใจทำร้ายใคร
       
       “คือแม่เองมีความรักลูก ไม่ใช่เฉพาะแม่ของฟิล์มหรอกค่ะ แม่แอนนี่ก็รักแอนนี่เหมือนกัน แต่เมื่อมันเกิดเป็นข่าวดังไปทั้งหมดแล้ว เชื่อเถอะว่าไม่มีใครสบายใจหรอก ทั้ง 2 ฝ่ายกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ถ้าจะมาบอกว่าเป็นลมเพราะคำพูดที่พี่พูด บอกเลยว่าตัวพี่ไม่ได้ต้องการที่จะไปทำลายใคร มันเป็นสไตล์การพูดของพี่ที่เป็นคนพูดอย่างตรงไปตรงมา รับได้หรือรับไม่ได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องของพี่ที่ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียใจ หรือต้องมาเจ็บป่วยหรอกค่ะ สังคมก็ได้ดูได้รู้ได้เห็นเองว่าใครพูดอย่างไร ความหมายมันคืออะไร ผลกระทบมันคืออะไร”
       
       “เรื่องที่เขาจะมาโกรธหรือมีอคติกับพี่ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่ถ้าเรามีจุดยืนในการที่จะออกมาพูดเพื่อปกป้องผู้หญิงและสังคม ปกป้องเยาวชน มันก็เป็นในเรื่องของงาน ก็คงต้องแล้วแต่คนจะคิด เราไปห้ามความคิดใครไม่ได้ แล้วเราก็เปลี่ยนความคิดของใครไม่ได้ บอกได้เลยว่าพอมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ผู้หญิงเสียหาย 99 เปอร์เซ็นต์ ผู้ชายเสียหายแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แล้ว 1 เปอร์เซ็นต์นั้นมีเรื่องของผลประโยชน์อยู่ด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายนึงรู้สึกแย่ไปยิ่งกว่านี้อีก มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า พี่บอกได้เลยว่าพอได้ยินอย่างนี้แล้วรู้สึกเสียใจ ไม่อยากให้มีการออกมาแถลงข่าวอย่างนี้อีกแล้ว ที่จะทำให้เด็กต้องเสียใจไปมากกว่านี้ ผู้หญิงเราถ้าไม่ถึงที่สุดก็คงไม่มายืนถึงตรงจุดนี้หรอก ง่ายๆ เลยคือเสียเงินไปทำแท้งก็จบแล้ว”
       
       “ส่วนเรื่องที่แอนนี่จะตรวจดีเอ็นเอหรือไม่ตรวจ พี่มองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปรู้หรอกค่ะว่าอะไรมันคืออะไร คนที่เป็นคู่กรณีจะรู้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นบุคคลที่ 3 หรือสื่อมวลชนพอได้แล้ว พอกับการที่จะไปคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเขาออกมาอีก สักวันสถิติอาจจะเป็น 100 ก็ได้ หากถ้าเขาได้ไปหาหลักฐานกันมา มันเป็นเรื่องที่ไม่จบนะ แต่พี่ว่าเราควรจบได้แล้วค่ะ ขอความเมตตาให้กับเด็กและแอนนี่ด้วย พอได้แล้ว”
       
       สำหรับข้อความในทวิตเตอร์ของ “เฮียฮ้อ” ที่เคยโพสต์ในทำนองว่า ใครที่ไม่มีข้อมูล ไม่ควรออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฟิล์ม-แอนนี่ รวมไปถึงกระแสสังคมที่มองว่า “เจ๊เบียบ” ชอบจุ้นยุ่งเรื่องชาวบ้าน เจ้าตัวย้อน “เฮียฮ้อ” กลับทันที คำพูดดังกล่าวได้ย้อนเข้าตัวเอง พร้อมลั่นทำตามหน้าที่ ไม่เคยคิดอยากสาระแนเรื่องของใคร
       
       “ถ้าเขาคิดอย่างนั้นคำพูดนี้ก็เข้าตัวเสี่ยฮ้อแล้วสิ เรื่องส่วนตัวของใครไม่มีใครมีสิทธิ์ไปคิดตามกันหรอกค่ะ เขาได้ข้อมูลมาอย่างนั้น เรื่องนี้พี่ไม่อยากจะพูดนะ แต่ที่ออกมาพูดเพราะทำหน้าที่ในเรื่องของการปกป้องลูกผู้หญิงและสังคม เราไม่ได้ไปลงรายละเอียดเลยว่า แอนนี่ไปอยู่กับใคร เขามีกี่คนหรือเขาอะไร แต่เสี่ยฮ้อเขาเก่งถึงขนาดรู้ว่า เขามีถึง 4 คนหรือมากกว่านี้ ก็เก็บสถิติอีกสิคะจะได้ออกมาแถลงข่าวครั้งที่3 ที่4 ที่ 5 อีก พอได้แล้ว อย่าเถอะค่ะสงสารเด็ก”
       
       “ส่วนที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์พี่ต่างๆ นานานั้น เรียนให้ทราบไว้เลยนะคะที่พี่ออกมาพูดตรงนี้ พี่พูดในฐานะของนายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข พี่ไม่ได้วิ่งไปหาสื่อเพื่อที่อยากจะพูดให้ตัวเองเป็นข่าว แต่สื่อต่างหากที่มาขอสัมภาษณ์ เมื่อมาขอสัมภาษณ์เราเองก็ให้ทัศนะข้อคิดเห็นไปแล้ว ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด หลายคนในเวลานี้พูดเหมือนไปอยู่ในห้องนอนของเขาแล้ว รู้ไปซะหมดเลย ติดตามแอนนี่ตลอด แอนนี่ไปนอนกับผู้ชายมาแล้วกี่คน ติดตามรู้เรื่องไปซะหมดเลย ตรงนี้มันกลายเป็นการไปรุกล้ำเรื่องส่วนตัวของเขามากไปแล้ว ที่พี่ออกมาพูดตรงนี้เพราะทำงานในฐานะของนายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ไม่ได้อยากจะสาระแนอยากที่จะไปยุ่งเรื่องของใคร”
       
       “ถามหน่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นแล้วมันดีตรงไหน ให้เขาออกมาด่าว่าเรา แต่ถึงใครจะพูดยังไงพี่ก็ไม่แคร์ เพราะมันเป็นเรื่องที่เราทำงาน เรามีหลักการของเรา ไม่ว่าจะเกิดกรณีนี้ขึ้นกับใครพี่ก็จะพูดอย่างนี้ พี่ไม่ได้มีอคติกับฟิล์มหรือกับใครเลย พี่ไม่ได้อยากจะไปเสือกเรื่องชาวบ้าน ต้องการโหนกระแสความดังจากฟิล์มเลย มนุษย์เราคนเก่งกับคนดีมันต่างกันนะ คนเก่งคือคนมีฝีมือ คนดีคือคนมีศีลธรรมและคุณธรรม ถ้ารู้อยู่แล้วว่าเขามั่วกับผู้ชายหลายคน แล้วยังไปยุ่งกับเขา คุณๆ ก็ลองคิดดูสิว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน”
       
       “หากเราจะมีคู่ชีวิตสักคน เราควรจะหาคนที่เก่งแล้วมีคุณธรรมด้วย พี่ขอย้ำอีกครั้งเลยว่า งานนี้ผู้หญิงเสียหาย 99 เปอร์เซ็นต์ ผู้ชายเสียหาย 1 เปอร์เซ็นต์ แล้วใน1 เปอร์เซ็นต์นั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องถึงได้ออกมาเดือดร้อน ออกกันมาซะอุตลุดเลย แล้วก็ขาดเมตตาต่อเด็กผู้หญิงเล็กๆ คนนึง ที่ออกมาขอพื้นที่ยืนในสังคม แล้วก็เป็นฝ่ายขอเป็นตัวเองที่จะเลี้ยงลูกโดยไม่ขอตรวจดีเอ็นเอ โดยไม่ขอความช่วยเหลือ”
       
       “เวลานี้พี่ปกป้องให้เยาวชนและสังคม ปลูกฝังทัศนคติสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กรู้จักรักนวลสงวนตัว เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีก เพื่อที่เขาจะได้ไม่มาดูถูกเรา ผู้หญิงเราจะเป็นฝ่ายที่จะถูกดูถูก พอเราใจง่าย เขาก็ไปง่าย แล้วเขาก็จะดูหมิ่นเราได้ แค่ผู้ชายขอให้เราไปตรวจดีเอ็นเอก็เท่ากับเขาดูหมิ่นเราแล้วว่า เราไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว”
       
       เผยยินดีให้ความช่วยเหลือ “แอนนี่” พร้อมให้กำลังใจเข้มแข็งอย่าท้อ ที่ต้องพัวพันกับเรื่องผลประโยชน์ของใคร
       
       “ต้องเรียนตรงนี้ให้ชัดเจนว่า พี่เป็นนายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข ภารกิจทุกวันนี้ก็คือช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาด้านครอบครัว ด้านสังคม ดูแลเด็กและเยาวชน ถ้าวันใดแอนนี่มีความประสงค์อยากจะให้ทางเราช่วยเหลือ พี่เองก็ยินดี เพราะทางเรามีเจ้าหน้าที่ ทีมงาน ทนายความพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ถ้าหากว่าแอนนี่ต้องการจะเรียกร้องสิทธิความยุติธรรมให้กับตัวเอง ไม่ใช่เฉพาะแอนนี่นะคะ ฟิล์มเองก็สามารถมาติดต่อกับทางเราได้เช่นกัน เราช่วยทุกคนไม่ใช่เฉพาะกับผู้หญิง เรายินดีที่จะช่วยทั้ง 2 ฝ่าย”
       
       “พี่มองว่าผู้หญิงเราถ้าไม่ถึงที่สุด ก็คงไม่อยากที่จะออกมาให้เป็นข่าวหรอก สังคมไทยทุกวันนี้น่ากลัว เป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้ชายไทยทำอะไรก็ได้ เป็นสังคมที่รู้หน้าไม่รู้ใจ ผู้หญิงถ้ารักใครก็รักด้วยใจ ก็ยินดีที่จะมอบกายให้เขา สำหรับผู้ชายไม่ได้เกิดจากความรัก แต่มีความใคร่เป็นตัวนำ เห็นผู้หญิงที่ตัวเองหมายตาก็พึงประสงค์ ก็เข้าไปทาบทาม ยิ่งเป็นคนรูปหล่อและมีชื่อเสียงก็ยิ่งง่าย เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีความคิดที่ต่างกัน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาของ 2 คนนี้ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้วัยรุ่นเยาวชน ได้ระมัดระวังตัวมากขึ้นว่า ถ้าเราง่ายเราก็ต้องมาเสียใจ แล้วก็ต้องมาถูกเขาย่ำยีศักดิ์ศรี แค่เขาบอกว่าขอให้ตรวจดีเอ็นเอก็รู้แล้วว่าเขาดูถูกเราแล้ว มันรู้สึกเจ็บปวด ไม่พอยังมีคำพูดที่มาคอนเฟิร์มที่ทำให้เสียใจยิ่งขึ้นจากผู้ใหญ่ ก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่”
       
       “ตัวแอนนี่เองเข้มแข็งแล้ว ก็ขอให้เขาเข้มแข็งอย่างนี้ต่อไป ก็ขอให้เขาเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ชีวิตเรายังต้องอยู่ มันก็ต้องเดินหน้าต่อไป พี่ก็ขอให้กำลังใจ อย่าอ่อนแอ อย่าท้อแท้ ชีวิตมันไปผูกพันกับเรื่องของผลประโยชน์ของใครเขาไปแล้ว มันก็ต้องเจอกับความเจ็บปวดอย่างนี้แหละ พี่ว่าพอแล้ว แอนนี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกต่อไป ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ทำงานให้หนักขึ้น ก็หวังว่าจะมีผู้สนับสนุนให้แอนนี่ได้มีช่องทางในการที่จะทำมาหากินได้ต่อไป เพื่อที่แอนนี่จะได้มีเงินไว้เลี้ยงลูก”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)