นายโสภณ ปานฉิม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พัฒนารถถ่ายทอดเทคโนโลยีเคลื่อนที่ (Mobile Service) เพื่อลงพื้นที่ให้ความรู้ตามโรงเรียนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ห่างไกล ครอบคลุมทั้งจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต สร้างเสริมวิชาชีพแก่นักศึกษา ทำให้เกิดการต่อยอดการเรียนรู้สู่ชุมชน ตอบสนองความต้องการให้ผู้เรียนรู้เป็นศูนย์กลาง
ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บ.เอเซอร์ฯ กล่าวต่อว่า การสนับสนุนโครงการดังกล่าวในครั้งนี้ ถือเป็นการกระจายความรู้ด้านไอทีไปยังภูมิภาคต่างๆ เอเซอร์มาจากหน่วยงานภาคธุรกิจที่มีการปฏิบัติงานจริงและทราบถึงความต้องการของตลาด สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในโครงการของทางมหาวิทยาลัย ทำให้บริษัทฯ เลือกมอบความรู้และความชำนาญเฉพาะด้านที่มี เพื่อเป็นส่วนช่วยในการต่อยอดโครงการ และสร้างการเรียนรู้ที่เข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง
ด้าน นายชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีสานสนเทศและอินเทอร์เน็ต ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการศึกษาและชุมชน สอดคล้องกับหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯ ในการพัฒนาและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้นักศึกษาได้มีโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี พร้อมเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์จริงในการทำงาน อาทิ การดูแลรักษา และการซ่อมแซมอุปกรณ์ไอที เพื่อนำอุปกรณ์กลับมาใช้งานใหม่ โดยขณะนี้ มีนักศึกษาที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าวและสามารถสร้างงานได้ประมาณ 20 คน
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า ส่วนการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนด้วยรถถ่ายเทคโนโลยี เพื่อลดช่องว่างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น มหาวิทยาลัยฯ จะนำรถดังกล่าวออกให้ความรู้แก่ชุมชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน โดยจะจอดให้บริการอยู่พื้นที่หลัก อาทิ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงเรียนต่างๆ เพื่อตอบสนองการเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้เกิดความรู้และความเข้าใจในการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ที่มหาวิทยาลัยฯ ตั้งเป้าหมายในการออกให้บริการตามโรงเรียนในปี 2552 นี้ ทั้งสิ้น 16 โรงเรียน และองค์การบริหารส่วนตำบล 20 แห่ง ครอบคุลมพื้นที่ทั่วจังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญ ภายใต้แผนปฏิบัติการที่จะเริ่มออกดำเนินงานตั้งแต่เดือน มีนาคม-กันยายน นี้ พร้อมขยายไปยังเครือข่ายของมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่งทั่วประเทศ ทำให้ช่องวางในการเข้าถึงเทคโนโลยีนั้นลดลง
ที่มา: thairath.co.th
