มาตรการอนุรักษ์การได้ยิน หรือที่ NIOSH เรียกว่า โครงการป้องกันภาวะการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยิน เป็นโครงการที่กำหนดขึ้นตามกฎหมายเพื่อให้สถานประกอบการต่างๆ สามารถป้องกันและลดจำนวนผู้มีภาวะสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินจากเสียงดัง โดยการดำเนินการตามมาตรการอนุรักษ์การได้ยินนี้ครอบคลุม ทั้งการเฝ้าระวังเสียงดังในสถานประกอบการให้อยู่ในระดับที่กฎหมายกำหนด การเฝ้าระวังสมรรถภาพการได้ยิน การควบคุมการสัมผัสเสียงดังและการสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล การติดป้ายเตือนอันตรายจากเสียงดัง รวมถึงการจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการอนุรักษ์การได้ยิน
โดยข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศไทยคือ ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำมาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2561 กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่สนับสนุนให้สถานประกอบกิจการต่างๆ ที่มีสภาพแวดล้อมเสียงดัง ได้จัดทำมาตรการอนุรักษ์การได้ยินขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานเกิดภาวะการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินจากการทำงานสัมผัสเสียงดัง โดยให้นายจ้างจัดทำมาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการ ในกรณีที่สภาวะการทำงานในสถานประกอบกิจการมีระดับเสียง ที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมงตั้งแต่ 85 เดซิเบลเอ ขึ้นไป และหากผลการทดสอบสมรรถภาพการได้ยิน พบว่าลูกจ้างสูญเสียการได้ยินที่หูข้างใดข้างหนึ่งตั้งแต่ 15 เดซิเบล ขึ้นไป ที่ความถี่ใดความถี่หนึ่ง
สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น คณะกรรมการบริหารงานความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยจากการประกอบอาชีพ (OSHA) ได้กำหนดมาตรการอนุรักษ์การได้ยินขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันมิให้เกิดภาวะการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินจากการทำงานสัมผัสเสียงดัง นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานวิจัยด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน (NIOSH) ก็มีโครงการป้องกันภาวะการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยิน เพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินจากการทำงานสัมผัสเสียงดังขึ้นเช่นกัน
กฎหมายความปลอดภัยเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง เสียง
นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงมิให้ลูกจ้างได้รับสัมผัสเสียงในบริเวณสถานประกอบกิจการ ที่มีระดับเสียงสูงสุด ของเสียงกระทบหรือเสียงกระแทก เกิน ๑๔๐ เดซิเบล หรือได้รับสัมผัสเสียงที่มีระดับเสียงดังต่อเนื่องแบบคงที่เกินกว่า ๑๑๕ เดซิเบลเอ ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียงพ.ศ. ๒๕๕๙
นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. ๒๕๕๙
หมวด ๓ เสียง
ข้อ ๗ นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงมิให้ลูกจ้างได้รับสัมผัสเสียงในบริเวณสถานประกอบกิจการ ที่มีระดับเสียงสูงสุด (peak sound pressure level) ของเสียงกระทบหรือเสียงกระแทก (impact or impulse noise) เกิน ๑๔๐ เดซิเบล หรือได้รับสัมผัสเสียงที่มีระดับเสียงดังต่อเนื่องแบบคงที่ (continuous steady noise) เกินกว่า ๑๑๕ เดซิเบลเอ
ข้อ ๘ นายจ้างต้องควบคุมระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ยตลอดเวลาการทํางานในแต่ละวัน (Time Weighted Average-TWA) มิให้เกินมาตรฐานตามที่อธิบดีประกาศกําหนด
ข้อ ๑๐ ในบริเวณที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานที่กําหนดในข้อ ๗ หรือข้อ ๘ นายจ้างต้อง จัดให้มีเครื่องหมายเตือนให้ใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลติดไว้ให้ลูกจ้างเห็นได้โดยชัดเจน
ข้อ ๑๑ ในกรณีที่สภาวะการทำงานในสถานประกอบกิจการมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับเฉลี่ย ตลอดระยะเวลาการทํางานแปดชั่วโมงตั้งแต่ ๘๕ เดซิเบลเอขึ้นไป ให้นายจ้างจัดให้มีมาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีประกาศกําหนด
พระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ๒๕๕๔
หมวด ๘ บทกำหนดโทษ
มาตรา ๕๓ นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตาม มาตรา ๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ฉนวนกันเสียง: มาตรการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบกิจการ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/