สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจาก
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่านายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แถลงเมื่อวันเสาร์ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ในประเทศ ว่าอยู่ในระดับที่ "ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ” ที่ต้องประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินระดับประเทศ
ทั้งนี้ รัฐสภาญี่ปุ่นหรือสภาไดเอทแห่งชาติ ที่ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา มีมติเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นญัตติแรกในรอบหลายปีที่พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านเห็นชอบร่วมกัน มอบอำนาจให้อาเบะสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากวิกฤติการณ์ภายในประเทศได้ ซึ่งสถานการณ์รุนแรงที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ คือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่แบ่งเป็นผู้ป่วยสะสมภายในประเทศอย่างน้อย 738 คน รักษาหายแล้ว 118 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน
ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ป่วยนานาชาติสะสมอีก 738 คน จากเรือสำราญ “ไดมอนด์ ปรินเซส” ซึ่งญี่ปุ่นกักบริเวณไว้ที่เมืองโยโกฮามาเมื่อเดือนที่แล้ว เสียชีวิตแล้ว 7 คน และรักษาหาย 388 คน อนึ่ง ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวจีนอายุ 30 ปี จากเมืองอู่ฮั่นของจีน
อย่างไรก็ตาม อาเบะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางดำเนินการนับจากนี้ ที่รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการตรวจคัดกรองโรคในประเทศให้รองรับได้ 8,000 คนต่อวัน การเพิ่มการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด "เป็นกลุ่มก้อน" และเร่งดำเนินการทันทีที่พบ และการเพิ่มเตียงผู้ป่วยอีกอย่างน้อย 12,000 เตียงทั่วประเทศ
ในเวลาเดียวกัน ญี่ปุ่นกำลังเป็นที่จับตาจากทั่วโลก กรณีที่กรุงโตเกียวกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ แต่รัฐบาลโตเกียวยังคงยืนกรานเดินหน้าทุกแผนการที่เกี่ยวข้องตามกำหนดการเดิม