ทำไมต้องรับประทานเมล็ดเชีย
เมล็ดเชียจัดว่าเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์มากมาย เมื่อเทียบกับธัญพืชในตระกลูเดียวกันถือว่าเมล็ดเชียมีคุณประโยชน์ที่สูงกว่ามาก นอกจากนี้ยังได้ขึ้นชื่อว่ามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ทว่าเมล็ดเชียไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่นั้น เมล็ดเจียหรือเมล็ดเชียยังสามารถบำรุงร่างกายของเราได้อีกด้วย
หลายคนคงรู้จักประวัติความเป็นมาของเมล็ดเชียกันมาบ้างแล้ว จากบทความทั้งในและต่างประเทศต่างก็กล่าวขานคุณสมบัติของเมล็ดเชียเอาไว้อย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตามเมล็เชียยังมีคุณประโยชน์อื่นอีกมากมาย วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับเมล็ดเชียให้รู้ลึกกันไปเลยค่ะ
ประวัติความเป็นมาของเมล็ดเชีย
จากประวัติอ้างอิงค้นพบว่า เมล็ดเจียเป็นธัญพืชที่มีอายุหลายพันปี ในอาณาจักรทวีปอเมริกา ประชาชนในแถบทวีปนิยมบริโภคธัญพืชนี้เป้นอาหารหลักเหมือนธัญพืชทั่วไปเช่น ถั่ว และข้าวโพดเป็นต้น บ้างก็นำมาผสมเป็นน้ำดื่ม บ้างก็ไว้ใช้ปรุงอาหาร ซึ่งต่างก็เชื่อกันว่าเมล็ดเจียนั้นมีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงร่างกาย และบรรเทาโรคต่างๆได้
ในช่วงอเมริกาตกเป็นเมืองขึ้นของสเปนนั้น ได้ถูกสั่งห้ามปลูกเมล็ดพันธ์นี้ จนได้มีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยว่าเมล็ดเชียนั้นมีประโยชน์และสรรพคุณอย่างไรบ้าง จึงได้มีการขยายพันธ์ และเาพปลูกต่อเนื่องเรื่อยมา นอกจากนี้แหล่งเพาะปลูกเมล็ดเชียยังมีการปลูกมาในเม็กซิโก และยังถูกจัดให้เป็นอาหารในเม็กซิโกด้วยเช่นกัน
เมล็ดเจียนั้นเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับ ใบกระเพรา หรือ มิ้นต์ ลักษณธคือลำต้นมีความสูง 5-6 ฟุต เป้นพืชที่ให้เมล็ดพันธ์เล็กๆ มีสามสีคือ สีดำ สีขาวงา หรือสีไข่ไก่ และสีน้ำตาล ลักษณธเมล็ดจะมีการแตกลาย
ซึ่งต่างกับเมล็ดแมงลัก เจริญเติบโตได้ดีในในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น จะนิยมปลูกมากใน ทวีปอเมริกา เม็กซิโก โบลิเวีย อาร์เจนตินา กัวเตมาลา ประเทศไทยได้เริ่มมีการเพาะปลูกเมล็ดเชียกันมากขึ้นในจังหวักลำปาง และแถบภาคเหนือ
คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดเชีย
จากข้อมูลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าเมล็ดธัญพืช Superfood เนื่องจากว่าอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป้นต่อร่างกาย ทั้งไฟเบอร์ โอเมก้า3 โอเมก้า6 แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอสระ ซึ่งเมล็ดเชียเมื่ออยู่ใยของเหลวจะทำการพองตัวได้ถึง12 เท่า โดยชาวทวีปอเมริกา มักจะทานเมล็ดเชียผสมกับนมหรือชา เพื่อดื่ม เพราะช่วยเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
สรพพคุณหลักของเมล็ดเชียที่สำคัญ
เราสามารถรับประทานเมล็ดเชียได้ทุกวัน มาดูกันว่าเมล็ดเชียมีประโยชน์และสรรพคุณอย่างไรบ้าง
สมานบาดแผลให้หายเร็ว
กรดไขมันที่เรียกว่าโอเมก้า3 ที่มีอยู่เมล็ดเชียตัวนี้ จะช่วยให้ร่างกายสร้างสารโพรสตาแกลนดิน ซึ่งมีสรรพคุณในการลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ทั้งยังป้องกันบาดแผลติดเชื้ออีกด้วย
บำรุงหัวใจ
เมล็ดเจียจะช่วยในการปรับสมดุลการไหลเวียนของระบบโลหิตในร่างกายของคนเรา บำรุงให้หัวใจแข็งแรงและยังลดไขมันคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
บรรเทาอาการเบาหวาน
เนื่องจากเมล็ดเชียเป็นธัญพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ และยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ จึงมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือดได้
ช่วยพัฒนาสมองและบำรุงความจำ
เมล็ดเจียนั้นมีโอเมก้าสูงมาก มีคุณประโยชน์ช่วยในการบำรุงสมองและสมองช่วยให้ความจำดี เลือดไหลเวียนสมองเป็นระบบ ช่วยให้มีสมาธิที่ดี ลดการเสี่ยงเป็นดรคความจำสั้น เมล็ดเชียถ้าเทียบกับอาหารปลาแซลมอนแล้วเมล็ดเจียโอเมก้ามากกว่าถึง 9 เท่า
เสริมสร้างโรคกระดูกพรุน
แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโปรตีน ในเมล็ดเชียนั้นมีมากกว่านมถึง6เท่า ซึ่งช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและช่วยในการบำรุงไขข้อ กระดูก
ช่วยระบบย่อยและเสริมสร้างเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
เมล็ดเจียนั้น มีไฟเบอร์สูงมาก ทำให้ช่วยในเรื่องระบบการย่อย และการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ดี ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ และช่วยลดการเกิดกรดในกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหาร
เมล็ดเจียต่างกับเมล็ดแมงลักยังไง
วิธีการดูเมล็ดพันธ์ 2ชนิดนี้ ถึงแม้ว่าดูผิวเผิน เมล็ดเชียและเมล็ดแมงลักจะเหมือนกันมาก แต่จริงๆแล้วลักษณะภายนอกนั้นต่างกัน เนื่องจากเป็นพันธ์พืชคนละชนิดกัน ลวดลายต่างกัน เมล็ดเชียนั้นจะมีลักษณะเรียวรี มีสีน้ำตาลออกเทา มีลวดลาย แต่เม็ดแมงนั้นจะสีดำค่อนข้างสนิทและไม่มีลวดลาย เมื่อนำไปแช่น้ำจะพบว่าเมล็ดเชียมีลักษณะพองตัวใสๆ ขณะที่เมล็ดแมงลักนั้นจะมีเมือกสีขาว
ในการปริมาฝรของการทานเมล็ดเชียต่อวัน
ผู้ใหญ่ ควรบริโภคประมาณ 15กรัม หรือประมาณ 2 -3 ช้อนโต๊ะต่อวัน; เด็กตั้งแต่ 5-18 ปี ควรบริโภค 2-4 กรัมต่อวัน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรบริโภคปริมาณ 1ช้อนโต๊ะต่อวัน
เมล็ดเชีย ซื้อที่ไหน
เมล็ดเชียเป็นอาหารชีวจิต สามารถหาซื้อได้ตามร้านสินค้าโอทอปหรือโครงการหลวงทั่วไป ราคาแยกไปตามน้ำหนัก และเกรดของผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ตามเมล็ดเชียไม่ได้กินแล้วดีสำหรับทุกคน จากข้อมูลและข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานเมล็ดเชีย ควรพิจารณาเรื่องปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้ด้วย
ผู้ที่แพ้กลูเต้น หรือแพ้อาหารประเภทมัสตาร์ด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเชีย
ผู้เป็นโรคกระเพาะอาหารหรือโรคลำไส้ หรือกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดเชีย เพราะหากกินเข้าไปจะทำให้อาการหนักกว่าเดิม เพราะเส้นใยไฟเบอร์ในเมล็ดเชียจะไปทำการขยายตัว
ผู้ที่แพ้ยาแก้ปวดหรือยาแอสไพรินเพราะจะทำให้หลอดเลือดบางลง
ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตต่ำ
หญิงตั้งรรภ์ไม่ควรบริโภคเมล็ดเชีย เพราะจะทำให้ เพราะมีผลต่อแรงดันเลือด
อย่างไรก็ตามประโยชน์ของการบริโภคเมล็ดเชียมีมากกว่าโทษแน่นอนค่ะ
เริ่มต้นดูแลสุขภาพคุณตั้งแต่วันนี้ด้วยการบริโภคเมล็ดเชีย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลโรคภัยกันค่ะ
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
VG HEALTHYFOOD
http://vghealthyfood.lnwshop.com/