ผู้พัฒนาเกม Angry Birds เตรียมปรับโครงสร้าง ปลดพนักงานออก 130 คน

[Nick]

Rovio บริษัทผู้ผลิตเกมชื่อดังสัญชาติฟินแลนด์ ได้ออกมาเปิดเผยล่าสุดว่า มีแผนจะปรับโครงการบริษัทใหม่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เกม, ธุรกิจสื่อ และสินค้าจากเกม พร้อมกันนั้น ยังจะมีการปลดพนักงานออกเป็นจำนวน 130 คน ซึ่งคิดเป็นจำนวน 16 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานที่มีทั้งหมด

หลังจากไม่ได้รับการเติบโตตามที่คาดไว้ Mikael Hed ซีอีโอ Rovio ก็ได้ประกาศ เนื่องจากบริษัทมีการสร้างทีมบนสมมติฐานของการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากกว่าความเป็นจริง แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด ทำให้ต้องตัดสินใจดำเนินการลดจำนวนพนักงานลง 130 ตำแหน่งที่ทำงานในส่วนของออฟฟิตในฟินแลนด์ (หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของแรงงานทั้งหมด)

โดย Hed จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอในปลายปีนี้ และย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายธุรกิจแอนิเมชั่นของ Rovio แทน ซึ่งเขายังได้กล่าวเสริมอีกว่า "มันไม่ง่ายที่จะต้องพิจารณาดำเนินการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ แต่มันจะดีกว่าถ้าเรารีบทำในตอนนี้ แทนที่จะเริ่มในภายหลัง"

Rovio พบกุญแจสำคัญในการก้าวเข้าสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และผู้บริโภคให้ความสนใจ จากการเปิดตัวเกม Angry Birds ในปี 2009 ซึ่งหลังจากนั้น บริษัทก็มีการออกเกมภาคต่อเป็นซีรีส์เรื่อยมา อย่างเช่น Angry Birds Seasons, Angry Birds Space และ Angry Birds Star Wars เป็นต้น โดย Rovio ยังพยายามที่จะปั้น Angry Birds ให้อยู่ในสถานะมากกว่าเกม ด้วยการส่งของเล่น, วีดีโอ หรือสินค้าที่ระลึกจากเกมอื่นๆ เข้ามาช่วยปลุกกระแสความดังให้กับแฟรนไชส์ดังกล่าว รวมถึงมีการเปิดตัวเกมที่มีลักษณะคล้ายๆกันออกมา อย่างเช่น Amazing Alex, Bad Piggies และ The Croods แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนประสบความสำเร็จได้เท่ากับ Angry Birds

โดยในปี 2013 บริษัทได้ว่าจ้างงานพนักงานเพิ่มกว่า 300 คน ทำให้มีจำนวนพนักงานรวมอยู่ที่ 800 คน ด้วยความหวังว่า จะสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เนื่องจากผลจากการเจริญเติบโตที่ไม่เป็นดังคาด จึงทำให้เกิดการปรับองค์กรขึ้นในครั้งนี้ โดย Hed กล่าว บริษัทจะมุ่งเน้นง่ายๆไปที่ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ เกม, ธุรกิจสื่อ และสินค้าจากเกม ซึ่งเป็นส่วนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงที่สุดนั่นเอง

อนึ่ง สถานะทางการเงินของ Rovio ยังคงสร้างผลกำไร แต่ไม่มากอย่างที่เคยทำไว้ โดยในปลายปี 2013 บริษัทได้รับรายได้เพียง 26.9 ล้านยูโร (33.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งต่ำกว่าที่เคยทำได้ในปี 2012 (หรือ 55.5 ล้านยูโร)

ที่มา CNET

ที่มา: pantip.com