Author Topic: ไอร์แลนด์ ใช้คอมพิวเตอร์ ประเมินวัยรุ่น “ดื่มหนักหรือไม่ในอนาคต”  (Read 1160 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


       นักวิจัยไอร์แลนด์ ปิ๊งไอเดียนำคอมพิวเตอร์มาประเมิน “โอกาสเป็นสิงห์นักดื่มในอนาคต” ของวัยรุ่น ระบุผลการประเมินนั้นแม่นยำมากกว่า 70% คาดระบบประเมินนี้จะสามารถแก้ปัญหาสังคมที่เกิดจากประชาชนที่ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักได้ทันท่วงที
       
       แนวคิดยอดนิยมของการแก้ปัญหาสังคม โดยเฉพาะการใช้ยาเสพติด หรือการเสพแอลกอฮอล์ในทางที่ผิด คือ การหาทางป้องกันเพื่อแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แนวคิดนี้เองที่ทำให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของไอร์แลนด์พยายามค้นหาปัจจัยเสี่ยงในบุคคลที่นำไปสู่พฤติกรรมที่เป็นปัญหาเหล่านี้ ซึ่งล่าสุด คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และสรุปผลออกมาเป็นคำพยากรณ์ว่า ใครบ้างที่มีแนวโน้มเสพติดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เกินขนาด

       
       โรเบิร์ต วีแลนด์ (Robert Whelan) ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย University College Dublin ในไอร์แลนด์ ให้รายละเอียดงานวิจัยสุดเก๋ไว้ในวารสารเนเจอร์ (Nature) ว่าระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเด็กวัยรุ่นวัย 14 ปี ทั้งข้อมูลในสมอง บุคลิกภาพส่วนตัว ภูมิหลังชีวิตครอบครัว รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ซึ่งพบว่าผลการประเมินมีความแม่นยำเกิน 70%
       
       งานวิจัยชิ้นนี้มีชื่อว่า IMAGEN หลักการคือ การประเมินว่าเด็กวัย 14 ปีหลายร้อยคนที่ร่วมโครงการ จะมีใครบ้างที่อาจมีพฤติกรรมเสพติดแอลกอฮอล์อย่างหนักในช่วงวัย 16 ปี จุดนี้รายละเอียดระบุว่า ปัจจัยที่ถูกนำไปคำนวณในโครงการ IMAGEN มีจำนวนมากกว่า 40 ค่า ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องต่อพฤติกรรมเสพติดแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น โดยผลการวิจัยหลังจากติดตามพฤติกรรมกลุ่มตัวอย่างนานกว่า 2 ปี พบว่า ผลการประเมินนั้นมีความถูกต้องราว 70% ซึ่งทำให้ทีมวิจัยเชื่อว่าระบบคอมพิวเตอร์นี้จะสามารถนำไปประเมินเพื่อหาความเสี่ยงของวัยรุ่นทั่วไปได้
       
       อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานการนำระบบคอมพิวเตอร์นี้ไปใช้พยากรณ์กลุ่มวัยรุ่นในประเทศอื่น ซึ่งคาดว่าหากมีการพัฒนาเพิ่มเติม หลายประเทศอาจนำระบบนี้ไปใช้เพื่อให้สามารถป้องกันการเกิดปัญหาสังคมได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคย

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)