YouTube เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วเป็นประเทศที่ 62 ในโลก เผยไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตของการใช้งานมากในเอเชีย และ 1ใน3 ของการเข้าชมมาจากอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย ชี้ข้อดีจะช่วยให้การค้นหาวิดีโอที่ผลิตโดยคนไทยให้ง่ายขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อดิจิตอลที่มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงผู้ผลิตคอนเทนต์ในไทยจะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น นายทอม พิคเกตต์ รองประธานฝ่ายเนื้อหา YouTube กล่าวว่า การเปิด YouTube ประเทศไทยในครั้งนี้เนื่องจากมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก มีการเติบโตอย่างรวดเร็วประเทศหนึ่งในเอเชีย และในแต่ละวันใช้เวลาหลายล้านชั่วโมงเพื่อรับชม โดยพฤติกรรมการรับชมส่วนใหญ่จะมาจากการติดตามสื่อ นักดนตรี นักแสดง และผู้สร้างสรรค์ต่างๆ ซึ่งกว่า 1 ใน 3 ของการเข้าชม เป็นการชมผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย นอกจากนี้ในส่วนของผู้สร้างสรรค์วิดีโอชาวไทยเอง ต่างก็มีการส่งผลงานที่น่าสนใจขึ้นไปฝากไว้บน YouTube เช่นกัน
'YouTube ครบรอบ 9 ปีแล้ว โดยนับเป็นชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งครึ่งหนึ่งของคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 80% และผู้คนที่เข้ามาใน YouTubeนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ชมวิดีโอเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สร้างและอัปโหลดข้อมูลอีกด้วย โดยในทุกๆ นาที จะมีการอัปโหลดวิดีโอรวมความยาวถึง 100 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่นเฉพาะของแต่ละท้องถิ่นแล้ว 61 ภาษา ใน 61 ประเทศ ซึ่งการเปิดตัวในไทยนี้ถือเป็นประเทศที่ 62'
นายอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดตัว Youtube.co.th ในครั้งนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ชมคนไทยได้มากขึ้น โดยจะสามารถเรียกดูวิดีโอที่เป็นที่นิยมของไทยโดยตรง และจะสามารถค้นหาเฉพาะเนื้อหาที่เป็นของคนไทยได้อีกด้วย โดยเฉพาะวิดิโอที่เกี่ยวกับท้องถิ่น ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ Youtube ได้ทำการเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์ที่เป็นสื่อต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ ช่อง 3 ช่อง 7 เพิ่มขึ้นจากพาร์ทเนอร์ที่มีอยู่แล้วอย่าง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และอาร์เอส
การเปิด Youtube.co.th ในครั้งนี้ยังจะถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างสรรค์โฆษณา ที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ นำเสนอโฆษณาในรูปแบบของวิดีโอ ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีกับผู้ที่จะโฆษณาที่จะสามารถสื่อสารแบรนด์ไปถึงผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังจะช่วยให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ สามารถนำเสนอเนื้อหาสาระของตนเองได้ง่ายขึ้น และสามารถสร้างรายได้กับคอนเทนต์ที่ตนเองนำเสนอได้อีกด้วย
'2 ปีที่ผ่านมาการโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลยังมีเพียงแค่ 1% ของงบการโฆษณาทั้งหมดของประเทศเท่านั้นแต่ในปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 4-5% แสดงให้เห็นว่าตลาดนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและปัจจุบันก็มีแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้ช่องทางนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่ง YouTube ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมากจึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดี ที่แบรนด์ต่างๆ จะหันมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจได้อีกช่องทางหนึ่ง'
นายอริยะ กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าบริการในการโฆษณานั้นไม่ได้มีการกำหนดชัดเจน หากมีหลายแบรนด์ที่ต้องการโฆษณาในกลุ่มเป้าหมายเดียวกันก็จะต้องเข้าสู่วิธีการประมูล เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดที่จะคัดเพื่อให้สินค้าได้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีราคาที่แน่นอนตายตัว ส่วนนักพัฒนาคอนเทนต์วิดีโอที่ต้องการสร้างรายได้จากช่องทางนี้ เพียงสมัครเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับYouTube ก่อน จากนั้นหากมีแบรนด์สินค้าใดสนใจที่จะเข้ามาลงโฆษณาในวิดีโอนั้นๆ ก็จะทำการตกลงส่วนแบ่งค่าโฆษณากันต่อไป
Company Related Link :
Youtube.co.th
ที่มา: manager.co.th