หลังจากออกแถลงการณ์ว่าไมโครซอฟท์ (Microsoft) สามารถควบรวมธุรกิจอุปกรณ์และบริการของโนเกีย (หน่วยธุรกิจ Devices and Services ของ Nokia) ได้เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดโนเกียจัดงานเปิดตัวซีอีโอคนใหม่พร้อมประกาศนโยบายล่าสุดอย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าช่วงเวลานับจากนี้ Nokia จะให้ความสำคัญกับธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นหลัก ซึ่งนโยบายนี้เองที่ทำให้โนเกียตัดสินใจดึงหัวหน้าทีมธุรกิจโครงข่ายขึ้นมานั่งเก้าอี้ซีอีโอ นั่นคือราจีฟ ซูริ (Rajeev Suri) ซึ่งมีสัญชาติอินเดียโดยกำเนิด ราจีฟ ซูริ ซีอีโอคนใหม่ของโนเกียให้สัมภาษณ์ว่าตื่นเต้นมากกับความท้าทายในตำแหน่งใหม่ที่ได้รับ โดยยืนยันว่าวิสัยทัศน์สำหรับโนเกียที่ทีมบริหารร่วมกันวางแผนนั้นยังเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และอนาคตของโนเกียยังสดใสแน่นอน
แม้จะขายธุรกิจอุปกรณ์และบริการให้ไมโครซอฟท์ไปแล้ว แต่โนเกียจะยังเหลือ 3 ธุรกิจที่ยังสามารถสร้างชื่อและทำรายได้เลี้ยงโนเกียอยู่ ได้แก่ แผนกธุรกิจแผนที่ แผนกธุรกิจวิจัยพัฒนาสิทธิบัตรเทคโนโลยี และแผนกงานโครงข่ายพื้นฐานระบบโทรคมนาคม โดยในเบื้องต้น ซีอีโอคนใหม่ของโนเกียแย้มว่าแผนกงานทั้งหลายของโนเกียจะให้ความสนใจกับการสร้างสรรค์สินค้าใหม่สำหรับผู้บริโภคมากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมา โนเกียจะไม่สามารถไล่ทันการเปลี่ยนแปลงในตลาดสมาร์ทโฟนโลก ซึ่งเกิดขึ้นเพราะนับตั้งแต่การเปิดตัวไอโฟน (iPhone) ในปี 2007
ซีอีโอโนเกียคนใหม่วัย 46 ปียืนยันว่าหน่วยธุรกิจทั้ง 3 ของโนเกียล้วนอยู่ในแผนที่จะทำให้ชื่อโนเกียปรากฏสู่สายตาผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอื่นๆต่อไป แน่นอนว่าคำประกาศนี้สะท้อนว่า โนเกียจะยังไม่มีแผนยุบแผนกงานใดออกไป แม้โนเกียจะเริ่มปรับโครงสร้างองค์กรด้วยการปลดพนักงานบางส่วน
การเปิดเผยกลศึกใหม่ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดเผยครั้งแรกว่าโนเกียจะดำเนินธุรกิจอย่างไรในวันที่อดีตเบอร์ 1 ในตลาดโทรศัพท์มือถือโลกสามารถขายกิจการโทรศัพท์มือถือให้ไมโครซอฟท์ด้วยมูลค่า 5.44 พันล้านยูโร (ราว 2.33 แสนล้านบาท) เมื่อเดือนกันยายน 2013 ที่ผ่านมา โดยภายใต้กลยุทธ์ใหม่ โนเกียระบุว่าจะยังเทเงินลงทุนต่อเนื่องกับธุรกิจแผนที่ดิจิตอล และยังคงมุ่งส่งเสริมทีมวิจัยเทคโนโลยีใหม่ของโนเกียให้ทำงานต่อเนื่อง
แม้โนเกียจะยังเหลือแผนกธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมของตัวเองอยู่ แถมธุรกิจนี้ยังสามารถสร้างรายได้ให้โนเกียมากกว่า 90% ในปัจจุบัน แต่นักวิเคราะห์ก็ยังไม่มั่นใจในศักยภาพของโนเกียบนเวทีคอนซูเมอร์ เนื่องจากธุรกิจแผนที่ของโนเกียจะต้องแข่งขันโดยตรงกับแอปเปิล (Apple) และกูเกิล (Google)
นักลงทุนกลับตอบรับข่าวการประกาศนโยบายใหม่ของโนเกียในแง่บวก เพราะโนเกียยืนยันชัดเจนว่าจะมีการซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผล ทั้งหมดนี้ส่งให้หุ้นโนเกียดีดตัวขึ้นทันที 5% ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้ว หุ้นโนเกียขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 86% นับตั้งแต่มีการประกาศขายกิจการโทรศัพท์มือถือและบริการที่เกี่ยวข้องให้ไมโครซอฟท์ในช่วงเดือนกันยายน ปีที่แล้ว
นอกจากประกาศนโยบายใหม่ โนเกียยังประกาศผลประกอบการช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมาด้วย โดยระบุว่าหากไม่รวมผลงานจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือ โนเกียสามารถทำกำไรสุทธิ 108 ล้านยูโร (ราว 4.8 พันล้านบาท) ถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับตัวเลขขาดทุนยับเยิน 98 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปี 2013
ในมุมรายรับรวม โนเกียระบุว่าเม็ดเงินสะพัดเข้าสู่บริษัทนั้นลดลงมากกว่า 15% เหลือ 2.7 พันล้านยูโร (ราว 1.2 แสนล้านบาท) ผลจากยอดขายที่ลดลงและการตัดทอนการลงทุน (divestment) ในธุรกิจโครงข่ายของโนเกีย
หากมองเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์มือถือ โนเกียระบุว่ารายได้จากธุรกิจโทรศัพท์นั้นลดลง 30% อยู่ที่ 1.9 พันล้านยูโร โดยขาดทุนจากการดำเนินมากถึง 326 ล้านยูโร ถือว่าหนักข้อขึ้นกว่าตัวเลขขาดทุน 120 ล้านยูโรในช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2013
สำหรับประวัติของซีอีโอโนเกียคนใหม่ ราจีฟ ซูริ เริ่มทำงานกับโนเกียมาตั้งแต่ปี 1995 และได้เป็นหัวหน้าหน่วยธุรกิจโครงข่าย Nokia Solutions and Networks (NSN) ตั้งแต่ปี 2009 โดยซูริจะยังคงนั่งตำแหน่งซีอีโอของ NSN ต่อไป
จุดสังเกตสำคัญคือซีอีโอซูรินั้นเป็นชาวอินเดียโดยกำเนิด ดีกรีการศึกษาคือวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเดียวกับซีอีโอคนใหม่ของไมโครซอฟท์ "สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella)" ด้วย
ที่มา: manager.co.th