ทำไม Office for iPad ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปีกว่าจะคลอด?

[Nick]

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=frpsGFQ4AIY" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=frpsGFQ4AIY</a>






Office for iPad เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี แต่ผู้สมัครบริการ Office 365 เท่านั้นที่สามารถแก้ไขไฟล์เอกสารได้


โปรแกรม Word บน Office for iPad


Excel ครบเครื่องบน Office for iPad

ในที่สุด ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ก็เปิดตัวแอปพลิเคชัน "ออฟฟิศ ฟอร์ ไอแพด (Office for iPad)" ให้ผู้ใช้แท็บเล็ตจากแอปเปิลอย่างไอแพดได้ใช้งานเต็มรูปแบบ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมไมโครซอฟท์จึงใช้เวลานานมากกว่า 4 ปีกว่าจะเปิดตัวได้ ทั้งที่ไอแพดนั้นถือเป็นแท็บเล็ตที่ได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาดขณะนี้
       
       ไอแพดนั้นเปิดตัวครั้งแรกในมกราคม 2010 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ความร้อนแรงของไอแพดที่เกิดขึ้นในช่วงกลางปีนั้นทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์แทบทุกราย รวมถึงไมโครซอฟท์เอง ล้วนต้องการเปิดตัวแอปพลิเคชันของตัวเองในเวอร์ชันรองรับไอแพด จุดนี้ ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Office for iPad ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวมาชเอเบิล (Mashable) ว่าแท้จริงแล้ว ทีมงานเริ่มคิดถึงวิธีที่ซอฟต์แวร์สร้างเอกสาร Office ของไมโครซอฟท์จะทำงานบนไอแพด นับตั้งแต่ไอแพดเริ่มเปิดตัว
       
       มาชเอเบิลบอกว่า ในการที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมไมโครซอฟท์จึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปนานแสนนานกว่าจะยอมคลอด Office for iPad เราผู้อ่านจะต้องเข้าใจ "วัฒนธรรมองค์กรของไมโครซอฟท์" และนโยบายหลักของบริษัทที่เน้นหนักไปที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Windows 8)
       
       ทั้งหมดนี้ทำให้ไมโครซอฟท์ยอมให้คู่แข่งซอฟต์แวร์ Office ทุกรายล่วงหน้าไปก่อน ทั้งกูเกิล (Google) และค่ายเล็กค่ายน้อยที่เปิดตัวแอปพลิเคชันเพื่อสร้างงานและแก้ไขเอกสารบนไอแพดต่อเนื่อง 4 ปีที่ผ่านมา โดยหากย้อนไปในปี 2012 ช่วงเวลานั้นไมโครซอฟท์ถูกร่ำลือว่าจะเปิดตัว Office for iPad แต่ก็ไม่สำเร็จ มีเพียงอดีตซีอีโออย่างสตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer) ที่ออกมายืนยันไล่หลังว่า ไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับไอแพดต่อเนื่อง แต่บริษัทจำเป็นต้องรอการเปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่รองรับการทำงานบนอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสเสียก่อน
       
       ไมโครซอฟท์นั้นเปิดตัว Windows 8 ในกันยายนปี 2012 โดยดัดแปลงระบบให้รองรับอุปกรณ์ทัชสกรีนจริงจัง ครั้งนั้นไมโครซอฟท์เปิดตัวแท็บเล็ตเซอร์เฟซอาร์ที (Surface RT) และอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์อาร์ที (Windows RT) ออกมาทำตลาดอย่างจริงจัง พร้อมกับจัดเต็มให้สิทธิ์ผู้ซื้ออุปกรณ์ Windows RT ทุกรุ่นสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Office ได้ฟรี
       
       การแถมฟรีนี้ทำให้ Office for iPad ถูกดองในโหลทองคำต่อไปอีก เพราะไมโครซอฟท์ต้องการทิ้งช่วงเวลาให้สินค้ากลุ่ม Windows RT ประสบความสำเร็จกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากหากแท็บเล็ตยอดนิยมของโลกรองรับ Office เรียบร้อย แล้วใครจะมาซื้อแท็บเล็ต Surface หรือสินค้ากลุ่ม Windows RT?
       
       ไมโครซอฟท์ต้องการให้ Office เป็นเครื่องมือช่วยก้าวข้ามปัญหาใหญ่เรื่อง Windows RT ขาดแคลนแอปพลิเคชัน (Windows RT ไม่สามารถทำงานกับซอฟต์แวร์วินโดวส์ปกติ แต่สามารถทำงานเฉพาะกับแอปพลิเคชันใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานบนอุปกรณ์พกพาเท่านั้น) ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากยุทธศาสตร์ที่ไมโครซอฟท์วางไว้ว่าจะพัฒนาให้ Windows สามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่ใช้ชิปเออาร์เอ็ม (ARM) ที่นิยมใช้ในแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเพราะความโดดเด่นด้านประหยัดพลังงาน แต่จนแล้วจนรอด อุปกรณ์ Windows RT ที่แถมฟรีแอปพลิเคชัน Office ก็ยังไม่สามารถสร้างกระแสได้เท่าที่ควร แถมผู้ผลิตสินค้าระบบปฏิบัติการ Windows RT ส่วนใหญ่ก็เริ่มท้อใจ และบอกลาแยกทางกับ Windows RT หลายราย
       
       ถึงวันนี้ ไมโครซอฟท์รู้ดีว่าไม่สามารถรอให้ Windows RT ลืมตาอ้าปากได้อีกต่อไป เพราะหากยังรอ การให้บริการซอฟต์แวร์ออนไลน์ Office 365 ที่สมบูรณ์จะไม่มีวันเกิดขึ้น จุดนี้สัตยา นาเดลลา (Satya Nadella) ซีอีโอไมโครซอฟท์คนใหม่ประกาศอย่างชัดเจนว่า กลยุทธ์หลักของไมโครซอฟท์ในวันนี้คือ "Office everywhere" หรือการส่งบริการ Office ให้ครอบคลุมทุกอุปกรณ์ตั้งแต่สมาร์ทโฟนถึงคอมพิวเตอร์พีซี รวมถึงทุกอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากนี้
       
       นโยบายของซีอีโอคนใหม่ทำให้ Office for iPad ได้เวลาแจ้งเกิดในที่สุด โดยในงานเปิดตัว ซีอีโอไมโครซอฟท์ยืนยันว่าไมโครซอฟท์จะเน้นยุทธศาสตร์ Mobile-First Cloud-First หรือการเปิดเสรีให้อุปกรณ์ไฮเทคสำหรับพกพาสามารถใช้บริการออนไลน์บนคลาวด์ (cloud) ของไมโครซอฟท์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่เพียง Office for iPad แต่ Office for Android Tablet สำหรับแท็บเล็ตแอนดรอยด์ จะพร้อมให้บริการในอนาคตแน่นอน
       
       สำหรับ Office for iPad ผู้ใช้จะสามารถเปิดเอกสารที่สร้างจากซอฟต์แวร์เวิร์ด (Word), เอ็กซ์เซล (Excel) และพาวเวอร์พ็อยต์ (PowerPoint) โดยตัวแอปพลิเคชันเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี แต่ผู้สมัครบริการ Office 365 เท่านั้นที่สามารถแก้ไขไฟล์เอกสารได้
       
       แม้จะมีข้อจำกัดเช่นนี้ แต่ Office for iPad ก็ยังมีจุดเด่นเหนือกว่าแอปพลิเคชันอื่นที่เป็นคู่แข่งในตลาด เช่น ในโปรแกรม Word การแสดงข้อความที่สร้างข้อมูลอัตโนมัติ เช่น สารบัญหรือโน้ตท้ายหน้า (footnote) จะสามารถทำได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ขณะที่ใน Excel ผู้ใช้จะได้พบคีย์บอร์ดตัวเลข ซึ่งช่วยให้การพิมพ์ตัวเลขจำนวนมากทำได้ง่าย หรือใน PowerPoint ที่สามารถแสดงผลภาพเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากการใช้งานบนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ขณะเดียวกันก็รองรับการวาดภาพลงบนสไลด์ด้วย
       
       แน่นอนว่า ทุกผลงานจาก Office for iPad สามารถบันทึกลงบริการฝากไฟล์ออนไลน์ "วันไดร์ฟ (OneDrive)" ของไมโครซอฟท์ได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปเปิดบนเครื่องอื่นได้อย่างเสรี

ที่มา: manager.co.th