ซิคเว่ เบรคเก้ (ขวา) นายซิคเว่ เบรคเก้ เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด เทเลนอร์ เอเชีย กล่าวว่า ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังมีการเติบโตทั้งในแง่ของการใช้งาน และนักพัฒนาหน้าใหม่ๆก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทเลนอร์เห็นถึงความสำคัญเหล่านี้เพื่อที่จะมาเป็นระบบนิเวศน์ ที่จะช่วยต่อยอดแนวคิด Internet For All เพื่อให้ประชากรทุกคนเชื่อมต่อเข้าหากัน
ซึ่งก็จะสอดคล้องกับแนวทางการลงทุนของเทเลนอร์ กรุ๊ปในประเทศไทย ที่ยังจะเน้นการลงทุนผ่านทางบริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เพื่อให้บริการด้านโทรคมนาคมไปต่อเนื่องอย่างน้อง 15 ปี ตามใบอนุญาตที่ดีแทคเพิ่งได้รับจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
“เทเลนอร์ไม่มีแผนลดหรือชะลอการลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไม่ปกติ เพราะเชื่อว่าเป็นเพียงปัญหาระยะสั้น และมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเพียงเล็กน้อย และไทยถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงใน 13 ประเทศที่เทเลนอร์เข้าไปลงุทน"
ส่วนการลงทุนในประเทศพม่า ทางเทเลนอร์ได้เตรียมงบประมาณไว้ราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการลงทุนเครือข่ายให้ครอบคลุม 90% ของประชากรภายใน 5 ปี และคาดว่าจะคืนทุนภายใน 4 ปี ซึ่งอุปสรรคสำคัญจะอยู่ที่การหาบุคลากรที่เหมาะสม รวมถึงการหาพื้นที่ติดตั้งสถานีฐาน และระบบพลังงาน เนื่องจากในแง่ของการกำกับดูแลและกฏหมายได้ทำความเข้าใจกันแล้ว
โดยล่าสุดทางเทเลนอร์ กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับดีแทค เพื่อจัดตั้งบริษัท dtac accelerate บนงบการลงทุนในแต่ละปีที่ 100 ล้านบาท เพื่อหวังเป็นโครงการระยะยาวที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีแนวคิดน่าสนใจ
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ดีแทค มองเห็นแนวโน้มของการเริ่มต้นสตาร์ทอัพในประเทศไทย ว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ได้ เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจะหันไปมองที่สิงคโปร์ อินโดนีเชีย มาเลเซีย แต่เชื่อว่าใน 5 ปีนับจากนี้เชื่อว่าจะถึงโอกาสของประเทศไทยแล้ว
“ดีแทค พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนนักพัฒนาให้เกิดดิจิตอลเซอร์วิส เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับดีแทคในท้องตลาด โดยเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจนำเสนอแนวคิด เพื่อเข้าร่วมกับโครงการโดยทีมที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนทีมละ 5 แสนบาท และต่อเนื่องไปจนถึง 1.5 ล้านบาท"
นายแอนดรูว์ ควอลเสท ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มกลยุทธ์องค์กรและบิสสิเนส อินโนเวชัน ดีแทค กล่าวเสริมว่า สำหรับโครงการ dtac accelerate 2.0 จะแบ่งหลักเกณฑ์ ผู้ร่วมโครงการไว้ 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก Incubation ที่มีไอเดียแล้วแต่ยังไม่มีผลงาน และยังไม่มีโมเดลธุรกิจ แต่มีเวลาเข้ามาร่วมอบรมตลอดโครงการ และกลุ่มที่สอง กลุ่ม Acceleration มีผลงานและเริ่มมีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่ต้องการปรับปรุง พัฒนาและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เติบโต มากขึ้นแบบก้าวกระโดด
ซึ่งสามารถนำเสนอเข้ามาทั้ง โมบายล์แอปพลิเคชัน ออนไลน์เซอร์วิส ที่เกี่ยวกับสุขภาพ อีคอมเมิร์ซ โมบายล์คอมเมิร์ซ การชำระเงินทางออนไลน์ และบริการทางการเงิน คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการศึกษา เพลง เกมส์ ความบันเทิง หนังสือ แอพปลิเคชัน ออนไลน์ เซอร์วิสสำหรับ SME คลาวด์ แอปพลิเคชันสำหรับกลุ่มองค์กร และ Technology Social Venture
ทั้งนี้ โครงการจะเปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม - 16 เมษายน 2557 ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานนำเสนอแนวคิด แผนการดำเนินงาน วิธีการใช้งาน การสร้างรายได้ กลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ หรือเข้ามาดูรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่
www.dtac.co.th/accelerate โดยจะมีการคัดเลือกผลงาน 15 ทีมแรก ในวันที่ 17 - 20 เมษายน 2557 หลังจากนั้นจัดนำเสนอผลงานในรอบแรก (Pitch day) 5 ทีมสุดท้ายในวันที่ 22 เมษายน เริ่มปัจฉิมนิเทศ (Orientation) วันที่ 28 เมษายน เริ่มคอร์สอบรม intensive boot camp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนสิงหาคมนี้
Company Relate Link :
Dtac
ที่มา: manager.co.th
