“สหรัฐฯ” เสนอ กฎหมายบังคับสมาร์ทโฟน ต้องขายพร้อม ‘kill switch’

[Nick]

หากกฎหมายนี้ผ่าน ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาทุกรุ่นจะต้องติดตั้งระบบ kill switch ในสินค้าของตัวเองโดยห้ามเก็บค่าบริการเพิ่มเติมกับผู้บริโภค

     4 วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตส่งเรื่องเสนอร่างกฎหมายใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อกำหนดให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทุกเครื่องที่จะวางจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาต้องมีฟังก์ชัน ‘คิลสวิตช์ (kill switch)’ หรือระบบสำหรับปิดการทำงานเครื่องจากระยะไกล หวังปกป้องผู้ถูกขโมยโทรศัพท์มือถือไม่ให้เสียหายซ้ำสองด้วยการติดตั้งระบบที่เจ้าของเครื่องสามารถปิดการเข้าถึงข้อมูล คาดสามารถลดปัญหาภัยขโมยสมาร์ทโฟนที่กำลังระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา
       
       แม้ปัจจุบันเจ้าของสมาร์ทโฟนหลายรุ่นสามารถปิดการทำงานสมาร์ทโฟนจากทางไกลเมื่อเครื่องสูญหายได้แล้วก็จริง แต่ก็เป็นความสามารถที่เกิดขึ้นในบางกรณีเท่านั้น จุดนี้ทำให้วุฒิสมาชิกอเมริกันตัดสินใจเสนอกฎหมายเพื่อกำหนดให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นในท้องตลาดต้องมีคุณสมบัตินี้ เพื่อบรรเทาพิษอาชญากรรมขโมยสมาร์ทโฟนและปัญหาสมาร์ทโฟนสูญหายที่คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
       
       ระบบ kill switch ที่ถูกระบุไว้ในเนื้อหาของร่างกฎหมายใหม่จะต้องเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถปกป้องข้อมูลของตัวเองได้จากระยะไกล ขณะเดียวกันก็ต้องมอบช่องทางให้เจ้าของเครื่องสามารถสั่งปิดการทำงานของเครื่องอย่างสมบูรณ์ โดยหากกฎหมายนี้สามารถผ่านการพิจารณา สมาร์ทโฟนใหม่ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายในแดนลุงแซมจะต้องมี kill switch ที่ใช้งานได้จริง
       
       ร่างกฎหมายนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนป้องกันอาชญากรรมขโมยสมาร์ทโฟนหรือ Smartphone Theft Prevention Act โดยวุฒิสมาชิกทั้ง 4 ผู้เสนอร่างกฎหมายนี้คือแอมี โคลบูชาร์ (Amy Klobuchar), บาร์บารา ไมคูลสกี (Barbara Mikulski), ริชาร์ด บลูเมนทัล (Richard Blumenthal) และมาซี ไฮโรโน (Mazie Hirono) เหตุที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตื่นตัวเรื่องการปราบปรามปัญหานี้คือข้อมูลที่พบว่าอาชญากรรม 40% ที่เกิดขึ้นในนิวยอร์กนั้นล้วนเกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน สัดส่วนนี้ถือว่าสูงเทียบเท่า 1 ใน 3 ของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในภาพรวม

รายงานจากสื่ออเมริกันระบุว่าระบบ kill switch ยังมีช่องโหว่

       อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมอุปกรณ์ไร้สาย CTIA กลับไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้ โดย จ็อต คาร์เพนเตอร์ (Jot Carpenter) รองประธาน CTIA ฝ่ายงานภาครัฐให้ความเห็นว่า แม้ CTIA จะมีเจตนาเดียวกับ 4 วุฒิสมาชิกที่ต้องการคุ้มครองให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัยในการครอบครองสมาร์ทโฟน แต่วิธีการปกป้องที่ดีกว่าคือการสร้างฐานข้อมูลอุปกรณ์ที่ถูกขโมย และแทนที่จะออกกฎหมายบังคับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเรื่องเทคโนโลยีที่ต้องใช้ แต่วุฒิสมาชิกควรร่างกฎหมายอื่นที่ให้อำนาจในการปราบปรามขบวนการขโมยโทรศัพท์มือถือที่เข้มงวดมากขึ้น
       
       ทั้งหมดนี้ CTIA มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ควรมอบอิสระและปล่อยให้โอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และนักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างเสรี เพื่อการพัฒนาเครื่องมือนวัตกรรมสำหรับป้องกันสมาร์ทโฟนสูญหายหรือถูกขโมย สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเทคโนโลยีใหม่ต่อไป
       
       หากกฎหมายนี้ผ่าน ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะต้องติดตั้งระบบ kill switch ในสินค้าของตัวเองโดยห้ามเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากผู้บริโภค แต่ในเบื้องต้น รายงานจากสื่ออเมริกันระบุว่า ระบบ kill switch ยังมีช่องโหว่ เพราะหากโจรสามารถสลับซิมการ์ดในสมาร์ทโฟนที่ขโมยมาได้ก่อนที่เหยื่อหรือเจ้าของเดิมจะไหวตัว ระบบ kill switch จะไม่สามารถปิดการทำงานของสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นได้ นอกจากนี้ นักเจาะระบบหรือแฮกเกอร์จะสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ kill switch ในทางที่ผิดได้ด้วย เช่นกรณีที่ผู้ร้ายต้องการทำลายหลักฐานในสมาร์ทโฟนเพื่อไม่ให้ตำรวจสามารถสืบค้นเบาะแสจากเครื่องเพิ่มเติม
       
       ปัจจุบันโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสหรัฐฯ เริ่มต้นรวบรวม“ฐานข้อมูลหมายเลขเครื่องที่ถูกขโมย”แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ภารกิจที่เกิดขึ้นถือว่าไร้ประโยชน์ เนื่องจากสมาร์ทโฟนที่ถูกขโมยส่วนใหญ่มีการส่งออกนอกประเทศไปจำหน่ายนอกพื้นที่สหรัฐอเมริกา ทำให้การรวบรวมฐานข้อมูลนี้ไม่สามารถนำมาดำเนินการทางกฎหมายใดๆ
       
       อีกมุมหนึ่ง นักสังเกตการณ์เชื่อว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โอเปอเรเตอร์สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนี้ คือรายได้ที่โอเปอเรเตอร์จะได้รับจากการขายประกันเครื่องสูญหาย ขณะเดียวกันหากร่างกฎหมายนี้ผ่าน ฐานข้อมูลสมาร์ทโฟนหายที่โอเปอเรเตอร์อเมริกันเพิ่งสร้างไว้ก็จะไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าที่ควร


ที่มา: manager.co.th