"พานาโซนิค" บุกธุรกิจ "ซีเคียวริตี้ ซิสเท็ม" เต็มสูบ รับเทรนด์ตลาดโต ชูนวัตกรรมกล้องวงจรปิดระบบ face detection-recognition จับและจดจำใบหน้าสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง พร้อมลดราคาลง 30-40% ลดช่องว่างไล่เก็บมาร์เก็ตแชร์ เผยแผนในไทยดีเดย์ทยอยส่งสินค้า รุ่นใหม่ลงตลาดไตรมาส 3 มุ่งเจาะภาครัฐ เอกชน คอนซูเมอร์ เซตทีมตั้งบียูใหม่ ขึ้นตรงกับเฮดออฟฟิศที่สิงคโปร์
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาพานาโซนิค คอร์เปอเรชั่น ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ "I-PRO" กล้องวงจรปิดเจเนอเรชั่นล่าสุดในกลุ่มซีเคียวริตี้ ซิสเท็ม ท่ามกลางตัวแทนจำหน่ายและนักข่าวจากกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของธุรกิจใหม่นี้ และตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดซีเคียวริตี้ ซิสเท็ม ของภูมิภาคนี้ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของพานาโซนิค
พานาฯรุก "ซีเคียวริตี้ ซิสเท็ม"
นายยาสุชิ มัตสุโมโต แมเนเจอร์ โกลบอล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป พร้อมทีม ผู้บริหาร บริษัท พานาโซนิค ซิสเท็ม เน็ทเวิร์ค จำกัด บริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบุกตลาดสินค้าระบบรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์ของพานาโซนิคว่า จากแนวโน้มธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัยที่มีการขยายตัวอย่างมากและมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่องทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ส่งผลให้ทั้งภูมิภาคโตมากกว่า 100%
เขายังคาดการณ์ว่า อีก 2 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดรวมของซีเคียวริตี้ ซิสเท็ม ในภูมิภาคนี้จะสูงถึง 796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปีนี้ที่ประเมินว่าจะมีมูลค่า 587 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการลอนช์นวัตกรรมครั้งนี้เพื่อที่จะเริ่มทยอยวางเข้าสู่ตลาดทั่วโลก เช่นเดียวกับเมืองไทยที่พร้อมจะนำเทคโนโลยีใหม่นี้บุกตลาดมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท และโต ต่อเนื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบช่วงไตรมาส 3
ลงราคา 30-40% รับการแข่งขัน
นายยาสุชิ มัตสุโมโต ย้ำว่า ด้วยจุดขายในเรื่องเทคโนโลยีจับใบหน้าและจดจำใบหน้า (face detection-recognition) ที่มีความต่างเหนือคู่แข่ง โดยสามารถจับใบหน้าได้ถึง 8 ใบหน้า และเก็บฐานข้อมูลจดจำใบหน้ากว่า 80 ราย รวมทั้งประสิทธิภาพความคมชัดของกล้องสมาร์ท เอชดี และการ ทำงานของเทคโนโลยีใหม่ที่เหนือกว่าคู่แข่งจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกพานาโซนิค
"สมมติว่าเมื่อมีคนร้ายกำลังจะเดินทางเข้าสิงคโปร์ผ่านด่านตรวจคนที่ติดตั้งกล้องพานาโซนิค นอกจากจะจับใบหน้าคนร้ายได้ชัดแล้วระบบยังมีข้อมูลของคนร้ายกว่า 80 คน ว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งช่วยการทำงานในลักษณะต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น"
หากเปรียบเทียบในแง่ราคาและประสิทธิภาพการทำงานกล้องรุ่นใหม่นี้ นายยาสุชิ มัตสุโมโต กล่าวว่า จะคุ้มค่าต่อการลงทุนและลดโอกาสการสูญเสียทางธุรกิจได้มาก และเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดและลดช่องว่างราคาจากคู่แข่ง บริษัทได้ปรับราคากล้องรุ่นใหม่นี้ลงอีก 30-40% รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ สู่คอนซูเมอร์มากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มบีทูบี (business to business)
นอกจากนี้พานาโซนิคยังวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกเป็น 13% ภายในปี 2012 จากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ 6%
เผยแผนในไทยลุยไตรมาส 3
นางราณี สิทธิแก้ว ผู้จัดการฝ่ายสินค้าระบบวงจรปิด บริษัท พานาโซนิค ซิว.เซลส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายเมืองไทยภายในปีหน้าพานาโซนิคต้องติด 1 ใน 3 แบรนด์หลักของตลาดมูลค่า 3,000 ล้านบาทให้ได้ แม้พานาโซนิคจะเพิ่งบุกตลาดอย่างจริงจังช่วงปีที่ผ่านมา กลยุทธ์หลักนอกจากประสิทธิภาพสินค้าที่สร้างความต่างในตลาดแล้ว ในแง่การสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าก็จะเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้เห็นความแตกต่างของสินค้าและเหนือกว่าคู่แข่ง ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดใหญ่และรายย่อย
นอกจากนี้พานาโซนิคยังมีโปรดักต์ที่ครอบคลุมและหลากหลายและจะสามารถตอบสนองความต้องการทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะเห็นภาพชัดในช่วงไตรมาส 3 ที่สินค้ารุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด
นางราณีกล่าวด้วยว่า ที่สำคัญรูปแบบการทำงานที่มีความคล่องตัวจากการเซตทีมเป็นหน่วยบิสซิเนสยูนิต (บียู) ใหม่ เช่นเดียวกับประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยจะเป็นการทำงานกึ่งอิสระจากแบรนด์พานาโซนิคของแต่ละประเทศ โดยจะมีการทำงานในลักษณะของ regional operation ที่ทำงานเป็นทีม ขึ้นตรงกับเฮดออฟฟิศที่สิงคโปร์ ซึ่งจะมีบทบาทในการช่วยการดำเนินงานของแต่ละประเทศทั้งด้านเซอร์วิสและเทคโนโลยีสินค้า เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็ว คล่องตัว
เทรนด์ตลาดโตต่อเนื่อง
แหล่งข่าวจากวงการซีซีทีวีระดับไฮเอนด์แสดงความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ตลาดกล้องวงจรปิดหรือซีซีทีวีโดยรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจากความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน และตลาดนี้ในเมืองไทยยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก และจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้น การปล้นร้านสะดวกซื้อ การปล้นร้านทอง ฯลฯ ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนหันมาให้ความสำคัญกับการติดตั้งซีซีทีวีมากขึ้น
"แม้ว่าพานาโซนิคมีความได้เปรียบในแง่ของแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับแต่ก็คงไม่ง่ายนัก เนื่องจากตลาดนี้ยังมีตัวแปรอีกหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งในแง่ของโปรดักต์ การยอมรับของลูกค้า ระดับราคา เครือข่ายในการติดตั้งและบริการ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดกล้องวงจรปิดเมืองไทยมีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายที่กระโดดเข้ามาทำตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการเข้ามาเสริมในช่องว่างตลาด อาทิ ซัมซุงที่ส่งสินค้าเข้ามาทำตลาด และแต่งตั้งบริษัท เอส.จี.ดี.อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกล้องวงจรปิดฟูจิโกะ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้า
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีแบรนด์ต่างๆ ที่ทำตลาดกล้องวงจรปิดอยู่หลายราย ไม่ว่าจะเป็น ซันโย เจวีซี ที่เน้นจับตลาดระดับบน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ระดับกลางและล่างจากจีน ไต้หวัน รวมทั้งโลคอลแบรนด์ อีกจำนวนหนึ่งที่ทำตลาดอยู่
ที่มา: prachachat.net