เอชพีพร้อมแนะนำเครื่องมือ HP SDN Developer Kit (SDK) และโซลูชัน HP SDN App Store เจาะนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปสำหรับองค์กรธุรกิจ มั่นในต้นปีหน้า HP SDN App Store จะมีแอปให้สำหรับองค์กรให้ดาวน์โหลด และพร้อมอย่างสมบูรณ์ในปี 2516 ชี้ SDN แบบเดิมมีหลายข้อจำกัดที่ไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ซึ่ง SDN ของเอชพีเป็นอีโคซิสเตมส์แบบเปิดที่สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้ดีกว่า นายศักดิ์ชาย ปัญญจเร ผู้อำนวยการ หน่วยธุรกิจ เอชพี เน็ตเวิร์กกิ้ง บริษัท เอชพี ประเทศไทย กล่าวว่า software-defined networking (SDN) ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดเพราะอยู่ในตลาดมา 5 ปีแล้ว แต่มีการพัฒนาให้สามารถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบเปิดมากขึ้น ล่าสุดเอชพีได้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถนำเครื่องมือของเอชพีไปพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งานองค์กรเพื่อนำเสนอขายและนำขึ้น HP SDN App Store ของเอชพี ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้ดาวน์โหลดแอปฯได้ในต้นปีหน้า และพร้อมอย่างสมบูรณ์ในปี 2016
“ปีหน้าเอชพีจะเริ่มเปิดโอกาสให้ขายแอปบน HP SDN App Store แล้ว โดยคาดว่าในปี 2016 แอปพลิเคชันสำหรับองค์กรธุรกิจจะเป็นเรื่องปกติของการใช้งาน เพื่อให้องค์กรธุรกิจทำงานได้ดีขึ้น ได้กำไรมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เอชพีได้มีการเปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้ใช้ชุดเครื่องมือเพื่อการเขียนแอปพลิเคชันผ่านระบบอีโคซิสเตมส์แบบเปิดสำหรับโซลูชัน SDN”
ทั้งนี้เอชพีได้ทำการแนะนำชุดเครื่องมือ HP SDN Developer Kit (SDK) และโซลูชัน HP SDN App Store เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับพันธมิตรคู่ค้า และมอบวิธีการทำงานที่ง่ายดายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าในการซื้อและนำบริการด้านเน็ตเวิร์กไปใช้งาน ซึ่งการเปิดใช้เน็ตเวิร์กรุ่นเก่านั้นจำเป็นต้องใช้ทีมงานจำนวนมากในการทำงานเชื่อมประสานกับระบบต่างๆ เป็นเวลาหลายเดือนก่อให้เกิดความล่าช้าในการปรับแต่ง และการนำแอปพลิเคชันที่จำเป็นไปใช้เป็นไปอย่างล่าช้า
ทั้งนี้แม้ว่าระบบ SDN ที่มีอยู่ในปัจจุบันจะให้ความมั่นใจในการทำงานของเน็ตเวิร์กแบบอัตโนมัติ แต่เทคโนโลยี SDN แบบเดิมที่เป็นแบบปิดนั้น อุปกรณ์ต่างๆ จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดด้านความรวดเร็ว ก่อให้เกิดข้อจำกัดในการสร้างโอกาสทางการตลาดดังนั้นโซลูชัน SDN ของเอชพีที่เป็นแบบเปิดนั้นจะสามารถช่วยให้องค์กรองค์กรธุรกิจและพันธมิตรคู่ค้าให้สามารถปรับเครือข่ายให้เข้ากับความต้องการต่างๆ ของธุรกิจ และแอพพลิเคชั่นของตนเองได้อย่างง่ายดาย
นายศักดิ์ชาย กล่าวว่า โซลูชัน SDN ของเอชพีนั้นเป็น SDN อีโคซิสเตมส์แบบเปิด ซึ่งแพลตฟอร์มการพัฒนาแอปพลิเคชันนั้นจะสามารถปลดล็อคข้อจำกัดด้านการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อำนวยความสะดวกในการทำงานได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยขจัดความซับซ้อนและช่วยให้สามารถส่งมอบบริการยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันยังสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันอีกด้วย
“แอปพลิเคชันในองค์กรไม่เหมือนกับแอพฯในมือถือ เอชพีจึงเปิดโอกาสให้นักพัฒนาเข้ามาพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยชุดเครื่องมือ HP SDN Developer Kit มีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนาในการสร้าง ทดสอบ และทำให้แอปพลิเคชัน SDN ใช้งานได้ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐาน SDN ของเอชพี และบริการสนับสนุนที่ครบวงจร ส่วนโซลูชัน HP SDN App Store นั้น ช่วยให้ลูกค้าสามารถเบราวซ์ ค้นหา ซื้อ และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SDN ไปยังคอนโทรลเลอร์ Virtual Application Networks SDN controller ได้โดยตรง ซึ่งเป็นการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ในการซื้อ และใช้งานบริการเน็ตเวิร์ค”
HP SDN App Store ทำให้เกิดตลาดแบบเปิดที่ซึ่งพันธมิตรคู่ค้าสามารถจำหน่ายแอปพลิเคชัน SDN ที่ลูกค้าจะนำไปใช้กับเครือข่ายของตนได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่คลิกเท่านั้น ซึ่งใน SDN App Store จะมีทั้งแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยเอชพี พัฒนาร่วมกับพันธมิตรคู่ค้า และพัฒนาโดยคอมมูนิตี้และพันธมิตรคู่ค้าที่ได้รับการรับรอง โดยทุกแอปพลิเคชันที่จำหน่ายบน HP SDN App Store จะต้องได้รับการอนุมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นแอปพลิเคชัน SDN ระดับองค์กรธุรกิจอย่างแท้จริง
สำหรับพันธมิตรคู่ค้าอีโคซิสเตมส์แบบเปิดสำหรับ SDN ในปัจจุบันที่ลงทะเบียนสำหรับชุดเครื่องมือ HP SDN Developer Kit แล้ว ได้แก่ Aastra, Blue Coat Systems, BlueCat, Citrix Systems, Ecode Networks, F5, Infoblox, Infranics, Intel, KT Cloud, Microsoft, MIMOS, Mitel, NTT, PwC, Qosmos, Radware, Real Status, Riverbed, RMIT University, ShoreTel Inc., Samsung, SAP, Tech Mahindra, VMware, Versatile และ Websense
Company Relate Link :
HP
ที่มา: manager.co.th
