Author Topic: “เสี่ยเจียง” เสียใจ “จา” ไม่เห็นหัว ผิดสัญญาเล่นหนังฮอลลีวูด ฟันถ้าไปเจอฟ้องแน่  (Read 602 times)

0 Members and 3 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai






 “เสี่ยเจียง” เสียใจ “จา” ไม่เห็นหัว ละเมิดสัญญาเล่นหนังฮอลลีวูด เรื่อง “Fast and Furious 7” โดยไม่ขออนุญาต เผยถูก จา ยื่นโนติสมาที่บริษัทว่าหมดสัญญากับสหมงคลฟิล์มแล้ว ทั้งที่จารู้เต็มอกว่าเพิ่งต่อสัญญาอีก 10 ปี ลั่นเตรียมโนติสกลับไปบริษัทต่างประเทศเหมือนกัน ตัดพ้อตอนไม่ดังต้องมากราบตน แต่ตอนนี้ตนต้องเป็นคนไปกราบจา ขู่เอาจริงถ้าไปเล่นโดยไม่ขอเจอฟ้องแน่
       
       ทำเอา “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” เดือดแตกจนออกมาเปิดแถลงข่าวไปรอบหนึ่งแล้ว เหตุไม่พอใจ “จา พนม ยีรัมย์” กรณีเจ้าตัวจะโกอินเตอร์เล่นหนังฮอลลีวูดเรื่อง Fast and Furious 7 แต่ไม่ยอมบอกกับทางต้นสังกัดสหมงคลฟิล์ม หรือแม้แต่ตัวเสี่ยเจียงเองก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน โดยเสี่ยเจียงบอกว่าให้ไปได้แต่ต้องมาคุยกันก่อน จนดูเหมือนปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายจบด้วยดี
       
       แต่ปรากฏว่าจู่ๆ วันนี้(3 ก.ย.) เสี่ยเจียงก็เปิดแถลงข่าวด่วนขึ้นอีกครั้งที่ บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมี ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร ร่วมแถลงด้วย ทั้งนี้เสี่ยเจียงประกาศกร้าวว่าตนเปลี่ยนใจขอคืนคำ บอกถ้าจาจะไปต้องมาขออนุญาตก่อน เหตุเพราะไม่พอใจที่ถูกจายื่นโนติสมาที่บริษัทว่าไม่ได้มีสัญญากันแล้ว ทั้งที่ความจริงเพิ่งเซ็นเพิ่มไป 10 ปี
       
       เสี่ยเจียง: “เรื่องที่เกิดขึ้นคือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ผมแถลงข่าวไป กลัวผู้สื่อข่าวเข้าใจผมผิด คืออาทิตย์ที่แล้วผมบอกว่าอนุญาตให้จาไปเล่นหนังที่ต่างประเทศ แต่เขาไม่ได้มาขอผม ผมให้ไปเอง แต่หลังจากผมแถลงข่าวไปวันที่ 26 อีกวันต่อมา เขาโนติสมาหาผม ว่าผมไม่มีสัญญากับเขาแล้ว เขาไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาผม เขาบอกว่าทั้งหมดไม่เกี่ยวกับผม ผมถึงแถลงข่าววันนี้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้พูดจากลับไปกลับมา”
       
       “ผมยอมรับว่าผมเคยดีใจที่เขาได้ไปเล่นหนังต่างประเทศ แต่วันนี้ผมคงต้องทำตามสัญญาแล้ว คือถ้าคุณจะไปเล่นหนังต่างประเทศ คุณก็ต้องให้ต่างประเทศขอมาทางผมหน่อยให้ถูกต้องตามสัญญา ผมไม่ได้หวังว่าจะได้เปอร์เซ็นต์คุณเล่นหนังจากเมืองนอก แต่ถ้าคุณจะเล่นหนังต่างประเทศ คุณก็ให้เขาติดต่อมาให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นผมก็จะโนติสคุณแค่นั้นเอง”
       
       “ที่เขาต้องขออนุญาตก่อนเพราะทั้งในและต่างประเทศอยู่ในสัญญาเดียวกัน คือวันที่ 26 ผมพูดไปเพราะผมดีใจที่เขาจะไปเล่นหนังต่างประเทศ เราก็อยากให้เขาไปอย่างสบายใจ แต่ไม่ใช่ว่าเขามีสิทธิ์ แล้วเขาก็ไม่เคยมาขอ นอกจากโนติสมาว่าเราไม่มีสัญญา ทั้งที่สัญญาก็เพิ่งต่อ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาออกมาพูดได้ไง”
       
       พันนา: “จริงๆ จาเขารู้ว่าสัญญาถูกส่งไปแล้ว ประมาณวันที่ 15 กรกฎาฯ ซึ่งเขาก็รับรู้วันที่เข้ามาคุย ก็พาลูกพาแฟนมาด้วย เขาก็ยังพูดว่าถ้าอยากรับงานโฆษณาเอง เสี่ยจะว่าอะไรไหม ก็ให้โอกาสบอกว่ารับได้ ก็ตัดสินใจเอง”
       
       แปลว่า “จา” รับเล่นหนังฮอลลีวูดเป็นการละเมิดเสี่ย?
       เสี่ยเจียง: “ถูก แล้วเราก็จะโนติสกลับไปบริษัทต่างประเทศ”
       
       กร้าวถ้า “จา” อ้างว่าสัญญาที่เซ็นกับสหมงคลฯไม่เป็นธรรมก็ให้ไปฟ้องกันที่ศาล
       เสี่ย: “ก็เรื่องของเขา ถ้าเขาจะอ้างก็ต้องสู้กันที่ศาลว่าเป็นธรรมจริงไม่จริง (แล้วอะไรที่เป็นธรรม?) ผมไม่ขอพูดว่าข้างในเป็นยังไง รู้แต่ว่าบริษัททำถูกต้องตามสัญญาทุกประการ”
       
       เผยมีหลักฐานการเซ็นสัญญาครบทุกอย่าง
       “มีใบเซ็นรับก็มีทุกอย่าง แต่เราส่งไปสุรินทร์ แต่เซ็นที่สหฯ แต่ฝ่ายเอกสารส่งสัญญาไปที่สุรินทร์”
       
       บอกผลประโยชน์ให้ “จา” เยอะกว่าเดิมอย่างมหาศาล รับรองว่าในไทยไม่เคยมีใครได้มากขนาดนี้
       “มหาศาล ผมรับรองว่าประเทศไทยตั้งแต่มีนักแสดงมา ไม่เคยมีใครรับค่าตัวมากมายอย่างนี้ เพราะเมื่อตอนที่องค์บาท1 ต้มยำกุ้ง1 คือเราคุยกันแล้วว่า สิ่งที่ผู้กำกับทำจะได้ 25 เปอร์เซ็นต์ สมมุติว่าได้ 20 ล้าน ปรัชญาเอาไป 10 ล้าน 5 ล้านให้จา 5 ล้านให้พันนา ผมรับรองว่าเป็นธรรม ส่วนจะฟ้องเขาไหมเราก็ต้องว่าไปตามที่ทนายแนะนำ เพราะเดี๋ยวนี้ยกให้ทนาย”
       
       ต่อคำถามที่ว่าช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา “เสี่ยเจียง” เคยออกแถลงแทน “จา” แล้วบอกว่ารักเหมือนลูก ทุกวันนี้ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ไหม? บิ๊กบอสสหมงคลฯก็บอกว่า…
       “อย่าให้พูดดีกว่า มันโตแล้ว มันโตเกินไป ผมเคยบอกปรัชญาตอนเอามันมาเล่นหนังองค์บาทเรื่องแรก มันกราบผมยังกับพ่อ แต่ทุกวันนี้ผมต้องไปกราบมันยังกับพ่อ เพราะมันใหญ่แล้ว วันเวลามันเปลี่ยนไปเราต้องเข้าใจ (แสดงว่าเสียใจ?) เป็นธรรมดา ไม่ขอพูดดีกว่า ถามปรัชญาสิ หนังองค์บาททะเลาะกัน 6 เดือนกว่าจะสร้าง ปรัชญาบอกว่าทำหนังองค์บาทให้ทุน 50 ล้าน ทะเลาะกันตายห่า กว่าผมจะยอม เขาต้องเอาเงินจากน้องสาว 5 หมื่นมาทำบางอย่างให้ผมดู”
       
       ปัดไม่ตอบว่าทนายแนะนำยังไง อ้างไม่อยากยุ่งมาก
       “ไม่รู้จะพูดยังไง มันเรื่องของทนาย ผมไม่อยากเกี่ยวข้องมาก”
       
       บอก 23 ต.ค.นี้ จะมีงานเปิดตัวหนัง “ต้มยำกุ้ง” พระเอกนักบู๊ต้องมาเพราะมีระบุในสัญญา แต่อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม่มาเท่านั้นเอง
       “ต้องมาเพราะมีในสัญญาหนัง แต่ละเรื่องยังมีอยู่ว่าเขาต้องโปรโมท ต้องมา สัญญาใหม่ก็มี อยู่ที่จะมาไม่มา”
       
       แล้วการที่ “จา” ไปเล่นหนัง Fast and Furious 7 คิดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้ “ต้มยำกุ้ง” ไหม?
       “ผมว่าไม่เกี่ยว ต้องดูว่าหนังเป็นยังไง”
       
       ด้านผู้กำกับ “ปรัชญา” เผยว่าจริงๆ ทุกคนเห็นด้วยกับการที่ “จา” จะไปเล่นหนังฮอลลีวูด ไม่มีใครมีปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะจาผิดสัญญามากกว่า
       ปรัชญา : “มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันเป็นโอกาสที่ดี ที่เขาได้เล่นหนังที่ต่างประเทศ คือเราทุกคนเห็นด้วย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องของการผิดสัญญา ต้องเรียนให้ทราบว่า สัญญามันมีลักษณะร่วมกัน มีพันนา มีผม มีจา มีเสี่ย เพราะฉะนั้นเวลาเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลทั้งหมด ซึ่งทุกคนก็ทำถูกต้อง แต่เหมือนพอมีโนติสขึ้นมา เหมือนมีอะไรผิดไป ก็ต้องว่าไปตามผิด ก็ให้ทนายจัดการ”
       
       แสดงว่า “จา” รู้ทุกอย่างแต่กลับคำ?
       “ใช่ครับ”
       
       จะยื่นโนติสไปที่ “จา” หรือเอเจนซี่?
       เสี่ยเจียง : “อันนี้ผมไม่รู้ ให้ทนายจัดการเพราะเรายกให้ทนายจัดการ”
       
       พร้อมยั่นคำขาดว่าถ้าไม่มาขออนุญาตก็ไปเล่นต่างประเทศไม่ได้ ถ้าไปเจอฟ้องแน่
       “เขาเล่นไม่ได้ เขาต้องอนุญาตเราก่อน แค่ขออนุญาตก็ได้แล้ว แต่ไม่ขอ คุณถ่ายไม่ได้ ถ้าถ่ายเราจะฟ้อง”
       
       เป็นเพราะหักหัวคิวแพง?
       “ผมไม่เคยเอาตังค์เขาเลยสาบาน ไม่เคยหักหัวคิวหรือเอาเปอร์เซ็นต์จากใคร”
       
       กับปัญหาที่เกิดขึ้น หลายคนมองย้อนไปเมื่อครั้งที่ “ปรัชญา” เคยฉีกสัญญากับแกรมมี่ แล้วย้ายมาอยู่กับสหมงคลฟิล์ม ซึ่งกับเรื่องนี้ผู้กำกับคนดังได้แจกแจงให้ฟังว่า…
       ปรัชญา : “เริ่มต้นผมอยากทำหนัง แล้วชวนพันนามาด้วย ก็คุยกันปกติ เขาก็พยายามเสนอคนๆ นึง แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรแค่อยากทำหนังรถตุ๊กๆ วิ่งแอ็คชั่นสไตล์ไทย คราวนี้พันนาเจอกี่ครั้งก็จะพยายามพูดถึงจา เราก็บอกว่าสไตล์เราน่าจะสู้ไม่ได้เพราะเขานิยมสไตล์ฮ่องกง เราต้องมีเอกลักษณ์ของเราเอง ก็เลยปิ๊งไอเดียว่าต้องเป็นมวยไทย เขาก็เลยเอาจาไปฝึกมวยไทยให้ดู เราก็บอกว่าใช่แล้ว ก็เลยเขียนองค์บาทขึ้นมา แต่ว่าเราคุยกับแกรมมี่นานมากกว่าจะได้ทำ ก็ไม่ได้ทำสักที จนรู้สึกว่านานไปแล้ว ก็มองบางอย่างไม่ตรงกับเรา ก็เลยมาคุยกับเสี่ย ก็มองตรงกัน ก็เลยไปขอเจรจาเรื่องสัญญากับแกรมมี่ เราก็เสียค่าชดเชยบางอย่างให้กับแกรมมี่ไป แล้วก็มาทำงานที่นี่ เราก็รู้สึกว่าทำงานทุกอย่างต้องผ่านความเชื่อ เพราะเสี่ยมองเห็นแล้วกล้าลงทุน ซึ่งเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ลงทุนสูงที่สุด”
       
       ผู้สื่อข่าวสอบถามกับ “เสี่ยเจียง” ว่านอกจากคุยผ่านโนติสแล้วได้โทร.คุยกันหรือยัง? เจ้าตัวก็บอกว่า…
       เสี่ยเจียง: “ไม่เคยเจอ โทร.ทำไมในเมื่อเขาไม่อยากเจอเรา เขาโตแล้วเราก็นั่งดูเขา”
       
       ด้าน “พันนา” บอกว่าตนโทร.แล้ว แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย
       พันนา: “ก็โทร.หา แต่เขาไม่รับสายจนถึงทุกวันนี้”
       
       จะฝากอะไรถึงเขาผ่านสื่อไหม?
       เสี่ยเจียง: “ไม่เอา ไม่พูดดีกว่า”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)