แพทย์ รพ.ธนบุรี เผยอาการ “สายัณห์” ตอนนี้โรคแพร่กระจายไปที่ตับทำให้ตับโตขึ้น ตาเหลืองตัวเหลือง แม้เจ้าตัวสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ยังกินอาหารได้น้อย บอกอีกฝ่ายยังไม่ยอมทำคีโม ต้องรอดูอาการไปเรื่อยๆ ส่วนที่เคยแจ้งว่าจะอยู่ รพ.อีกแค่ 2 วัน ตอนนี้ต้องอยู่ต่อแบบไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการรักษานักร้องลูกทุ่ง “เป้า สายัณห์ สัญญา” ในวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลธนบุรี ย่านพรานนก ได้มีการเปิดแถลงอัปเดตอาการป่วยของสายัณห์ โดย นพ.วชิรบุณย์ ศาสตระรุจิ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์และแพทย์เจ้าของไข้ และ นพ.สมชัย สัมพันธ์เวชกุล แพทย์ดูแลทางเดินอาหาร และตับ ได้ร่วมกันเผยว่าวันนี้อาการดีขึ้น การรู้ตัวดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ว่าตายังเหลืองและตับยังโตอยู่ และ รับประทานอาหารน้อย
“วันนี้คนไข้ก็รู้ตัวดี สดชื่นขึ้น และเท่าที่ทราบคือตอนนี้สามารถลุกและเข้าห้องน้ำเองได้ ทำกิจวัตรเองได้ ให้ความร่วมมือกับแพทย์เวรตรวจดี แต่ว่ายังมีตาเหลืองและตับก็ยังโตอยู่ แต่ยังไม่รับประทานอาหารได้เท่าที่ควร ส่วนใหญ่อาหารที่ให้ก็จะเป็นอาหารเสริมที่ให้สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน”
“ส่วนอาหารอื่นก็จะแล้วแต่คนไข้ชอบ อย่างเมื่อวานก็ทานปลาสลิด แต่เราก็จะเน้นให้รับประทานไข่เพิ่มขึ้นวันละประมาณ 3 ฟองเป็นอย่างน้อย หรือมื้อละ 1 ฟอง เรื่องอาหารก็อย่างที่บอกว่าต้องการให้เพื่อไปเสริมสร้างร่างกายให้ดีขึ้น อย่างอาหารที่บอกก็คืออยากให้ทานได้วันละ 4 แก้ว โดยสัดส่วนที่กำหนดเพื่อให้ได้สารอาหาร เพราะตอนนี้ทางเราไม่ได้ให้อาหารทางหลอดเลือดแล้ว ตอนนี้ให้ยาแก้ปวด แล้วก็ยาป้องกันการกัดกระเพาะ”
“สำหรับตัวโรคก็โตมากขึ้น แล้วตับก็โตขึ้นเพราะส่วนใหญ่ โรคแพร่กระจายไปที่ตับทำให้ตับโตขึ้น ทำให้ไปกดทับการขับถ่ายของน้ำดีก็ทำให้ตาเหลืองตัวเหลืองเพิ่มมากขึ้น”
เผยคุยเรื่องการรักษาทางเคมีกับ “สายัณห์” แล้ว แต่ยังถูกปฎิเสธอยู่
“ก็ได้คุยเรื่องของเคมีบำบัดเพราะคนไข้ยังปฎิเสธอยู่”
ทั้งนี้ “นพ.สมชัย” ยังเสริมต่อเรื่องที่หลายคนเป็นห่วงว่าถ้าไม่รักษาทางเคมีบำบัด แล้วร่างกายจะทรุดลงหรือไม่นั้น นพ.สมชัย เผยว่าขึ้นอยู่กับการรับสารอาหาร ตอนนี้ก็แค่รอดูอาการไปเรื่อยๆ
“อย่างที่ได้เรียนให้ทราบครับ ว่าสภาพตอนนี้ต้องให้การรักษาทางเคมีบำบัด แต่เมื่อยังไม่ให้ ทำให้โรคนี้ก็คงต้องดำเนินต่อไปเพราะเหมือนกับว่ายังไม่ได้รับการรักษา ทำให้มีผลต่อการทำงานของตับเสื่อมลง อย่างที่ได้เรียนให้ท่านทราบว่าในเมื่อตับโตขึ้น รวมถึงภาวะเหลืองที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของตับ”
“ถามว่าในเมื่อผู้ป่วยไม่ยอมให้ใช้เคมีบำบัด อาการมันจะทรุดลงขนาดไหน ก็อย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับการให้สารอาหาร แล้วก็เรื่องการควบคุมดูแลเรื่องเบาหวาน ถ้ารับสารอาหารได้มากขึ้นก็อาจะดีขึ้น แต่จะบอกว่าทรุดเมื่อไหร่ก็ต้องมีหลายๆ ปัจจัยร่วมกันทั้งตัวผู้ป่วยเอง แล้วก็การดำเนินของโรค เพราะถ้าโรคที่เป็นพื้นฐานกับตัวโรคร่วมที่เกิดขึ้น ซึ่งคณะแพทย์ก็ได้ติดตามดูในส่วนนี้ แต่ถ้าถามว่านอจากเคมีบำบัดจะมีวิธีการอื่นรักษาอีกไหม ก็อย่างที่บอกว่าเนื้อร้ายอันนี้ต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด คือทางโรงพยาบาลก็รอดูไปเรื่อยๆ ว่าถ้าคนไข้แข็งแรงขึ้นสภาพจิตใจดีขึ้น ก็ต้องมาคุยกันอีกครั้ง”
ส่วนที่เคยแจ้งว่าต้องอยู่โรงพยาบาลอีก 2 วัน ล่าสุดแพทย์แจงว่าต้องอยู่ต่อแบบไม่มีกำหนด
“ใช่ครับ อยู่ต่อแบบไม่มีกำหนด”
ที่มา: manager.co.th