ซัมซุงส่งมัลติฟังก์ชันขนาด A3 ลงตลาด 5 รุ่นหลังเห็นการเติบโตที่ดีของตลาด หวังขยายฐานให้กว้างขึ้นด้วยความต่างโดยการใส่เทคโนโลยีใหม่ ประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ Samsung 1 GHz Dual-Core Processors สร้างความเร็วกว่าเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปถึง 1.5 เท่า เน้นการใช้งานง่ายสั่งงานเหมือนโทรศัพท์มือถือ ตั้งเป้า 5 ปีขึ้นแท่นเบอร์ 1 ตลาดมัลติฟังก์ชัน A3 นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธานธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ซัมซุงเปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชันขนาดเอ 3 ใหม่ 5 รุ่น เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดที่ดี และการเข้าสู่ตลาดใหม่ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ซัมซุงสามารถขยายฐานตลาดให้ใหญ่ขึ้น โดยวางเป้าหมายว่าหลังจากนี้อีก 5 ปีซัมซุงจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดนี้ในเมืองไทยให้ได้
ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจเครื่องถ่ายเอกสารมีการเติบโตสูง องค์กรต่างๆ เริ่มถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่มากขึ้น โดยการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการรุกตลาดเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชันครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของซัมซุง
“ก่อนหน้านี้ซัมซุงทำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชันขนาดเอ 4 อยู่แล้ว จึงเพิ่มไลน์เอ 3 เข้ามา ปัจจุบันตลาดนี้มีผู้เล่น 7-10 ราย และในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังไม่มีแบรนด์ใหม่เข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะนำนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ที่ซัมซุงได้ทำอยู่แล้วเข้ามาผสมผสานกับเทคโนโลยีดิจิตอลนำเสนอเข้าสู่ตลาดเมืองไทย”
จุดเด่นของเราอยู่ที่การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สามารถใช้งานได้อย่างไม่ซับซ้อนและยุ่งยาก มีหน้าจอแบบสไลด์ทัชที่เป็นคุณสมบัติเดียวกันกับโทรศัพท์มือถือ ทำให้การใช้งานมีความง่ายดายและคุ้นเคย ที่สำคัญมีการประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ Samsung 1 GHz Dual-Core Processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทันใจ ทำให้มีความเร็วกว่าเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไปถึง 1.5 เท่า นอกจากนี้ยังมีการโปรโมตเรื่องค่าใช้จ่ายแบบครบวงจร หรือ Total Cost of Ownership ที่จะรวมค่าต้นทุนเครื่อง กระดาษ และหมึกพิมพ์ รวมถึงค่าบริการซ่อมบำรุงเพื่อเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเลือกอีกทางหนึ่ง
นายบุญเลิศกล่าวต่อว่า โอกาสทางการตลาดคือซัมซุงยังไม่เคยทำตลาดเครื่องพิมพ์ขนาดนี้จึงถือเป็นการสร้างตลาดใหม่ ประกอบกับที่ผ่านมาเราทำตลาดเลเซอร์ A4 อยู่แล้ว จึงสามารถใช้ช่องทางเดิมที่เรามีอยู่ในการทำตลาดเครื่องรุ่นใหม่ได้อย่างไม่ยากนัก โดยปัจจุบันซัมซุงมีดิสทริบิวเตอร์ 2 ราย และดีลเลอร์ 30 รายในการจัดจำหน่าย โดยกำลังจะเพิ่มดีลเลอร์ให้เป็น 45 รายในปลายปีนี้ รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการเครื่องถ่ายเอกสารโดยเฉพาะให้มากขึ้น
“การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดใหม่จำเป็นต้องมีการสร้างความเข้าใจกับดีลเลอร์เพื่อสื่อสารไปยังลูกค้าให้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันซัมซุงทำตลาดผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย 100% ส่วนทางด้านการซ่อมบำรุงนั้นลูกค้าสามารถติดต่อได้ที่ดีลเลอร์โดยตรง ทางด้านการการันตีการซ่อมนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกระดับการรับประกันของลูกค้า”
ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั้นจะเน้นเจาะลูกค้าองค์กรอย่างกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ สำนักงานทั่วไป ภาครัฐ และตลาดที่รองลงมาคือตลาดโซโหและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะลูกค้าที่กำลังมองหาเครื่องใหม่หรือกำลังจะเปลี่ยนเครื่องเดิม ซึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าซื้อเครื่องประมาณ 90%
“ซัมซุงมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ในตลาดนี้เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยยังคงเติบโตอยู่ และด้วยประสบการณ์ในการทำตลาดเครื่อง A3 ในต่างประเทศแถบยุโรป และอเมริกา ทำให้ซัมซุงมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตในตลาดนี้ได้อย่างแน่นอน ประกอบกับตลาดเอ 3 มีมูลค่าสูงกว่าเครื่องเอ 4 เกือบเท่าตัว จึงน่าจะเป็นการสร้างรายได้ที่ดี ซึ่งปลายปีนี้จะนำเข้ามาเสริมตลาดอีกประมาณ 2-3 รุ่น”
Company Relate Link :
Samsung
ที่มา: manager.co.th