“ขวัญ” แจงไม่ได้ออกมาตอบโต้ “ตุ๊กตา” โพสต์เฉ่งหนีกองไปเที่ยว ยันแค่ชี้แจงว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง ส่วนกระแสข่าวรับบาปแทน “อ๋อม” นั้น เจ้าตัวบอกเป็นเรื่องทีมงานที่ต้องไปคุยกับอีกฝ่ายเอง ลั่นไม่อยากให้แตกแขนงยืดยาว หลังจากที่บิ๊กบอสกันตนา “ตุ๊กตา จิตรลดา ดิษยนันทน์” ออกมาโพสต์แฉดาราคนหนึ่งที่เบี้ยวคิวถ่ายละครเรื่องเจ้าสาวสลาตัน โดยอ้างว่ามีเรียน แต่กลับแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวทะเล จนหลายคนต่างก็ตีความว่าดาราคนนั้นคือ “ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์” เพราะช่วงเวลานั้นสาวขวัญดันโพสต์รูปไปเที่ยวทะเลลั้ลลากับครอบครัวพอดี ก่อนจะมีการออกมาชี้แจงของทางสาวขวัญว่าเป็นการเข้าใจผิด ยืนยันทีมงานเป็นคนคืนคิวให้เอง พร้อมเผยตนได้โทร.เคลียร์กับบอสตุ๊กตาแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายก็ขอโทษเรียบร้อยที่เข้าใจผิด ก่อนซัดกลับเป็นปัญหาภายในของกันตนาเอง ทั้งยังทิ้งระเบิดด้วยว่ากองละครดังกล่าวก็ไม่พร้อม บทก็เขียนไม่ทัน ส่วนพระเอกของเรื่องอย่าง “อ๋อม อรรคพันธ์” ก็ติดถ่ายละครเรื่องอื่น ทำให้เบียดคิวกันจนละครถ่ายได้น้อย งานนี้เลยโดนมองว่าเจ้าตัวออกมาตอบโต้
“ขวัญต้องขออนุญาตนะคะ คือขวัญไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือว่าขวัญไม่ได้ออกมาในฐานะเถียงผู้ใหญ่ ขวัญเป็นเด็กน้อย เป็นนักแสดง แต่ว่าสิ่งที่ขวัญได้ทำไป ขวัญต้องให้ความกระจ่าง พอลงอินสตาแกรมปุ๊บ ตอนแรกขวัญก็ไม่รู้ตัว แต่ขวัญก็ให้ความกระจ่างกับพี่ตุ๊กตาแล้วค่ะ ก็ขอขอบพระคุณที่พี่ตุ๊กตายังเอ็นดู แล้วก็ยังเมตตาขวัญที่จะรับฟังเหตุผลที่เกิดขึ้น ว่าเรื่องจริงๆ มันเป็นยังไง ขวัญไม่อยากโดนสังคมประณาม แล้วก็ขวัญอยากชี้แจงเรื่องข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น ว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงมันเป็นยังไง มันสะเทือนถึงอาชีพของขวัญ เพราะว่าขวัญทำงานตรงนี้ ขวัญถือว่าเป็นคนทำงานเต็มตัวค่ะ แล้วก็ขวัญไม่มีอะไร สิ่งที่ทำให้ขวัญเป็นครอบครัวได้ก็คือ อาชีพตรงนี้ มันเป็นสิ่งที่ขวัญรัก แล้วขวัญก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรที่จะทำให้สั่นคลอนกับอาชีพของขวัญแน่นอนค่ะ”
“ซึ่งตอนนั้นเราก็คุยปกติตอนยกกองนะคะ นักแสดงหรือกองที่ขวัญร่วมงานด้วย มีธุรกิจกอง นักแสดงหรือผู้จัดการ อย่างขวัญเองผู้จัดการคือคุณแม่ ธุรกิจกองก็ได้มาบอกคุณแม่ว่า อาทิตย์นี้ไม่ถ่ายนะ ขอคืนคิวให้เพราะเหตุผลต่างๆ มันไม่ได้ ช่วงนั้นก็เป็นสุดสัปดาห์ที่พี่สาวขวัญกลับมาจากต่างประเทศพอดี เราก็เลยได้วางแพลนช่วงนั้น ไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลด้วยกัน ขวัญไปวันพฤหัสบดีและศุกร์ คือที่กองคืนคิวที่ถ่ายให้ขวัญแล้ว แล้วก็วันเสาร์ขวัญเดินทางกลับมาตอน 11 โมงที่สุวรรณภูมิ ก็แยกกันกับคุณแม่ พี่สาว ซึ่งเดินทางโดยรถส่วนตัวกลับบ้าน แต่ขวัญไปแท็กซี่เดินทางไปมหาวิทยาลัยกรุงเทพต่อ ส่วนวันอาทิตย์ขวัญก็เรียนตามปกติ วันเสาร์ขวัญก็เรียน”
บอกตอนแรกไม่คิดว่าเป็นตน ยังกดไลค์ข้อความอยู่เลย
“ตอนแรกไม่คิดเลย กดไลค์ด้วยนะตอนแรก (หัวเราะ) ก็ตอนแรกขวัญไม่ทราบค่ะว่าเป็นขวัญ จนกระทั่งมีพี่ๆ หลายคนโทร.มา แล้วก็จับคำที่พี่ตุ๊กตาโพสต์ลงไปที่ว่าพัก 3 วัน พี่เขาก็ดูว่าพัก 3 วันตกงานเลย ขวัญก็กลัวว่าจะตกงาน ก็เลยโทร.ไปคุยกับผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ในช่องก็เลยให้เบอร์ส่วนตัวพี่ตุ๊กตามา เพราะมันเป็นเรื่องเดือดร้อนเลยที่พี่เขาลงไปแบบนั้น แสดงว่ามันเกิดการที่พี่ตุ๊กตาเข้าใจขวัญในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขวัญก็จัดการด้วยตัวเอง เพราะไม่สบายใจที่ผู้ใหญ่จากคนที่เอ็นดูเรา กลับเป็นมองเราผิด ซึ่งพอโทร.ไปพี่ตุ๊กตาก็น่ารัก เขาก็บอกว่าถ้าเป็นสิ่งที่ขวัญพูดจริง พี่ก็ขอโทษ ขวัญว่าผู้ใหญ่ก็ใจกว้างรับฟังเหตุผลที่แท้จริงว่ามันคืออะไร”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าคนเบี้ยวกองจริงๆ เป็น “อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์” ไม่ใช่ตนนั้น ขวัญออกตัวไม่อยากให้เรื่องแตกแขนงยืดยาว
“ขวัญไม่อยากให้มันแตกแขนงไปไกลค่ะ ขวัญอยากให้มันจบแค่ตรงนี้ แล้วก็ผ่านไป (แอบรู้สึกอะไรไหมว่าเป็นคนนั้นแต่ทำไมมาโยงเป็นเรา?) ไม่ค่ะ ขวัญรู้สึกอบอุ่นมากกว่ากับเหตุการณ์นี้ คือขวัญเข้าใจว่าพี่ตุ๊กตาเขาเป็นผู้บริหารระดับสูง คงไม่รู้ว่างานในกองมันมีผิดพลาดอะไร แต่ก็อาจแค่รับรู้ว่ากองไม่ถ่าย แต่พอมาดูในอินสตาแกรม เห็นว่าเราไปเที่ยวทะเล คนทุกคนมีอารมณ์หมดไม่ว่าจะเป็นใคร แต่เราเป็นเด็ก เรามีหน้าที่ให้ความกระจ่าง ปกป้องอาชีพเราด้วย แม่เราด้วย เพราะว่าคนที่เป็นผู้จัดการเราคือคุณแม่ เพราะว่าเขาว่าแม่เราทำงานไม่เป็น”
“คือที่ขวัญบอกว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมา มันสอนขวัญหมด ตรงนี้ที่ขวัญขออนุญาตออกมาพูด เพราะว่าขวัญไม่ต้องการโดนสังคมประณามเหมือนกับเหตุการณ์ครั้งก่อน ขวัญเคยโดนแล้ว ขวัญเจ็บมากกับการที่ไม่ได้พูด เจ็บกับการที่ขวัญไม่ได้ปกป้องตัวเองและคนรอบข้างของแม่เลย แล้วตรงนี้ทำให้ขวัญดีใจที่ได้มายืนปกป้องตัวขวัญ ได้มายืนปกป้องแม่เราได้ว่า ไม่มีใครมาว่าแม่เราได้ว่าแม่ทำงานไม่เป็น อาชีพเราไม่ได้สั่นคลอนว่า ความรับผิดชอบเราแย่หรือต่ำ”
ย้ำอย่ามองว่าตนไปรับบาปแทนใคร
“เราอย่าไปมองว่าเป็นการรับบาปค่ะ ขวัญว่ามองในเจตนาที่เกิดขึ้นดีกว่าว่าขวัญโดนอะไร เข้าใจในการกระทำของขวัญ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า อย่าไปแตกประเด็นอื่น เพราะว่ายังไงคนทำงานในกองถ่ายเดียวกันยังเจอกันอีกนาน คนในกองถ่ายก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน เราต้องอยู่กันเป็นเดือน เป็นปี แล้วกองนี้เป็นที่ขวัญผูกพันและร่วมงานมาตั้งแต่เด็ก”
“ซึ่งถ้าถามว่าได้คุยกับพี่อ๋อมหรือเปล่า คือขวัญว่ามันไม่ใช่หน้าที่ขวัญ อันนี้คือหน้าที่ของธุรกิจกอง เขาจะถ่ายหรือไม่ถ่าย ถ้าเขาไม่ถ่ายก็เรื่องของกองเขาว่าเพราะอะไร จะให้ขวัญมานั่งรับรู้ทุกเรื่องมันก็ไม่ไหว ขวัญก็เอาแค่ตัวขวัญก่อนค่ะ อย่างวันนั้นพอเราได้ชี้แจง ขวัญก็กลับไปถ่ายละครเหมือนเดิม ซึ่งบรรยากาศภายในกองก็ปกติค่ะ ทุกคนก็ถ่ายทำกันต่อไป ทีมงานเป็นคนที่ใกล้ชิดขวัญอยู่แล้ว เขารู้ว่าทุกคนให้กำลังใจขวัญหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าทุกอย่างมันต้องมีความผิดพลาดกันได้ (คุณตุ๊กตามีลงมาดูเองบ้างไหม?) ไม่ค่ะ”
บอกกรณีที่ “กุญแจซอล ป่านทอง บุญทอง” ออกมาโพสต์ว่า “เอาคิวละครไปรับงานกันหมด กลายเป็นไม่ได้ถ่าย เฮ่อ” ไม่เกี่ยวตน
“ขวัญว่าเรื่องนี้ต้องไปถามน้องเขาเอง เรื่องที่เป็นประเด็นกับกองของน้องซอลคนละเรื่องกันนะคะ เรื่องที่เป็นเหตุคือเรื่องเจ้าสาวสลาตัน ส่วนกองน้องซอลเป็นเรื่องธิดาพญายม เรื่องของน้องซอลมันเกิดการสื่อสารคลาดเคลื่อน และเป็นสิ่งที่เป็นปมได้หลายๆ อย่าง ละครเรื่องธิดาพญายมเป็นการถ่ายทำที่ยากมาก เพราะแทบจะทุกซีนเราใช้นักแสดงรวมกันถึง 11 คน จะให้คิวแต่ละคนมาชนกันเป็นสิ่งที่ยาก คนที่ปวดหัวที่สุดคือธุรกิจกอง คือที่น้องโพสต์ลงไป ขวัญว่าน้องก็ยังเด็ก ทุกคนสามารถเกิดอารมณ์ได้ ก็ไม่ได้ถามนะว่าหมายถึงใคร เพราะเราไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น”
ไม่อยากให้คนมองตนในแง่ลบเลยขอออกมาปกป้องตัวเองบ้าง
“ขวัญไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆ จากเมื่อก่อน อย่างที่ขวัญมีฉายา หรือเกิดการเข้าใจผิด เพราะเกิดจากที่ขวัญไม่ได้ให้ความกระจ่าง ตอนนี้ขวัญอยู่ในภาวะคนทำงาน ก็ควรที่จะออกมาชี้แจง เพราะไม่มีผู้จัดคนไหนอยากทำงานกับนักแสดงที่ไร้คุณภาพ ไม่มีความรับผิดชอบและขาดวุฒิภาวะ แต่คงไม่ถึงต้องย้ายสังกัดอะไรนะคะ ทุกอย่างเข้าใจผิดและสามารถปรับความเข้าใจกันให้ถูกได้ค่ะ”
ส่วนกรณีที่บทเขียนไม่ทัน เจ้าตัวบอกถ่ายทำเท่าที่ได้มา
“ค่ะบทที่ได้รับมาก็คือน้อยค่ะ แต่ว่าไม่ถึงกับวันต่อวันค่ะ บทมาน้อยเราก็ถ่ายทำไปเท่าที่เราจะถ่ายทำกันได้ค่ะ เราเป็นนักแสดงมีหน้าที่อะไรก็ทำ ธุรกิจกองบอกให้ถ่ายเราก็ถ่าย เราไม่ได้มีหน้าที่มานั่งวิเคราะห์เพราะเราไม่ใช่ผู้บริหาร บทก็มี เหมือนถ่ายทำกันปกตินะคะ ก็มาเรื่อยๆ แต่คือที่ขวัญได้ยินมา คนเขียนบทเขาเขียนอยู่ 4 เรื่องก็เขียนกันไม่ทัน แต่อันนั้นมันไม่ใช่หน้าที่เรา หน้าของเรา มันก็มีบทที่เราได้ถ่าย เราก็แค่ถ่ายตรงนั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าเรื่องทุกเรื่องขวัญให้คำกระจ่างในหน้าที่ของขวัญไปแล้ว”
“ขวัญไม่อยากพูดในที่มันก้าวก่ายหรือเกินตัวขวัญไป เพราะว่าขวัญเป็นเด็ก แต่ที่ขวัญพูดไป พูดในฐานะคนทำงาน ในฐานะนักแสดงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เป็นผลกระทบตามมา มันสะเทือน อย่าลืมนะว่าผู้จัดเขาไม่มีวันตกงาน แต่คนที่ตกงานคือนักแสดง เวลาขวัญทำอะไรไป ขวัญคิดและรอบคอบ จะพยายามไม่ทำอะไรที่ดูก้าวก่ายและก้าวร้าว หรือดูแย่ แต่ถ้าถามว่าถ่ายไปกี่ตอนแล้ว คือไม่เคยนับเลย ตัวหนูเวลามาทำงานเหมือนจับกัง รายได้ของหนูคือข้าวในกองที่ขวัญกิน ค่าตอนละครนี้ขวัญให้แม่หมดเลย ถึงเวลาไปทำงานก็ไปทำ พอไม่มีงานก็ไปดูหนัง เข้าสปา ชีวิตของขวัญมีแค่นี้ค่ะ”
แล้วแต่คนจะมองแฟนคลับตนก้าวร้าวในการตอบโต้ที่ “ตุ๊กตา” โพสต์
“อันนี้นานาจิตตังค่ะ คนคิดได้หลายอย่าง แต่อยากให้มองไปในแง่ที่ดีก็คือ เขารักษาในสิ่งที่มันถูกต้องมากกว่า (มีห้ามปรามแฟนคลับบ้างไหม?) ขวัญไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ขวัญทำได้อย่างหนึ่งก็คือ ขวัญพูดว่าพี่ตุ๊กตาขอโทษขวัญแล้ว เข้าใจขวัญแล้ว ถึงแม้ว่าจะประจานเราในสื่อ แต่ขอโทษเป็นการส่วนตัวอย่างที่ทุกคนบอก แต่อันนี้มันก็ไม่เป็นไร สังคมไทยเราจะให้ผู้ใหญ่มานั่งขอโทษเด็ก อันนี้มันก็ไม่ถูก แต่ขวัญทำได้ดีที่สุดก็คือปกป้องในสิ่งที่ถูกค่ะ ขวัญต้องขอขอบคุณคนไทย ที่ยังรักและเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูก ขวัญเชื่อว่าคนไทยเป็นประเทศที่โอบอ้อมอารี เปิดใจในการรับฟังเหตุผล ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ผ่านมา ก็ขอบคุณที่เชื่อมั่นและคำพูดขวัญยังมีค่าค่ะ”
“ถามว่าตอนนี้ขวัญพอใจกับสิ่งที่ได้รับหลังจากมีข่าวออกมาหรือยัง ขวัญก็ขอแค่ผู้ใหญ่เอ็นดูเราเหมือนเดิมแค่นี้พอแล้ว อย่าเข้าใจขวัญผิด ถ้าเกิดว่าขวัญผิดจริง น้อมหัวรับเลย จะเรียกขวัญเข้าไปตักเตือนลงโทษยังไงก็ได้ แต่อันนี้ที่ขวัญโดนประจานหรืออะไร คือขวัญไม่ได้ทำ มันคือการเข้าใจผิด อันนี้ขวัญตอบไม่ได้ แต่ขวัญว่าคนเราก็เข้าใจผิดกันได้ และเราก็ได้อธิบายไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็เข้าใจตรงกันในเจตนาของพี่ตุ๊กตาและขวัญแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
ที่มา: manager.co.th
