เดลล์เปิดตัว PowerEdge VRTX โซลูชันใหม่ที่รวมเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และระบบเชื่อมต่อเครือข่ายรวมอยู่ในแชสซิสเดียวกัน มาพร้อมความกะทัดรัด ใช้งานง่าย และสามารถควบคุมรวมศูนย์ที่เดียวได้จากระยะไกล เผยจุดเด่นการเป็นไพรเวตคลาวด์ที่เทียบเท่าโซลูชันระดับเอนเตอร์ไพรส์ เตรียมเจาะกลุ่มบริษัทที่มีสำนักงานสาขา รวมถึงตลาดเอสเอ็มอี โดยเฉพาะธุรกิจเกิดใหม่และองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ พร้อมขายผ่านพาร์ตเนอร์กว่า 1,000 รายทั่วประเทศ นายเอกราช ปัญจวีณิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เดลล์เปิดตัว PowerEdge VRTX โซลูชันใหม่ที่เป็นการผสานรวมทั้งเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการอยู่ในแชสซิสเดียวกันในขนาดกะทัดรัด สามารถรองรับการใช้งานเวิร์กโหลดและแอปพลิเคชัน ช่วยลดความซับซ้อนทางธุรกิจ และเป็นเทคโนโลยีที่ผสานรวมการทำงานได้เหมือนในระบบงานขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดลล์กำลังจะเข้าไปทำตลาด อย่างเช่นบริษัทที่มีสำนักงานสาขา รวมถึงตลาดธุรกิจขนาดกลางและเล็ก พร้อมนำเสนอความง่ายในการใช้งานและสามารถจัดการได้จากระยะไกล
ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่ามีเพียง 29% ขององค์กรที่ลงทุนด้านไอที ที่มองเห็นว่าการลงทุนไอทีน่าจะช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจได้ ส่วนที่เหลือ 71% ยังไม่เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว และมีเพียง 28% ขององค์กรที่ลงทุนด้านไอทีเท่านั้นที่สามารถนำไปสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้ ดังนั้นเดลล์จึงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่เป็นระบบเปิด สามารถจัดการได้ในจุดเดียวไม่ได้แยกกันเป็นคอลโซล ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้อย่างง่ายดาย
“การนำเสนอโซลูชันใหม่ของเดลล์จึงให้ความสำคัญต่อความต้องการของลูกค้า ปัญหาที่เกิดขึ้น รวมไปถึงแนวโน้มทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำเสนอเป็นระบบโครงสร้างไอทีที่ทันสมัยสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละธุรกิจ โดย PowerEdge VRTX ช่วยจัดระเบียบอุปกรณ์ไอที และเครื่องมือบริหารจัดการที่หลากหลายให้เป็นระบบ เป็นการลดโครงสร้างไอทีปัจจุบันที่ซับซ้อน ขาดประสิทธิภาพ ขาดความยืดหยุ่น ด้วยความสามารถในการปรับให้ตรงต่อความต้องการในการใช้งานแอปพลิเคชันเฉพาะ จึงช่วยลดภาระการทำงานของผู้ใช้ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายขององค์กร”
นายเอกราชกล่าวว่า จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ PowerEdge VRTX คือการเป็นไพรเวตคลาวด์พร้อมใช้ (Private Cloud in a Box) ซึ่งเป็นโซลูชันไอทีแบบผสานรวมโซลูชันแรกที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับสภาวะงานในสำนักงานขนาดเล็กที่อยู่ไกลออกไป หรือสำนักงานสาขา โดยให้ความสามารถเทียบเท่าโซลูชันระดับเอนเตอร์ไพรส์ในรูปลักษณ์การดีไซน์แบบประหยัดพื้นที่ด้วยขนาดเท่าโต๊ะทำงาน อีกทั้งสามารถใช้ซอฟต์แวร์และการบริการมาช่วยเสริมศักยภาพในการทำงาน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น รีเทล เฮลท์แคร์ และสถาบันการเงิน
ปัจจุบันการนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ นั้นเดลล์ต้องการให้ฝ่ายไอทีขององค์กรต่างๆ สามารถทำงานควบคู่กับการวางกลยุทธ์องค์กร ตอบโจทย์ธุรกิจ และมีส่วนในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ หรือสร้างกำไรได้ เป็นโซลูชันเฉพาะที่สามารถตอบโจทย์ได้ตรงกับแต่ละธุรกิจ
“ด้วยการใช้งานได้ง่ายจึงทำให้ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น รวมไปถึงธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องหรือระบบใหม่แต่ไม่ต้องการความยุ่งยากให้สามารถวางแผนการเติบโตของบริษัทสำหรับอนาคตอันใกล้ เนื่องจากสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนการทำตลาดนั้นเดลล์จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านพาร์ตเนอร์ที่มีกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ ประกอบกับการนำเสนอผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ”
นายเอกราชกล่าวว่า การนำเสนอไอทีแบบผสานรวมของเดลล์นั้นถือเป็นเทรนด์ใหม่ของเดลล์ที่สอดคล้องกับผลสำรวจของไอดีซีที่คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้านระบบไอทีแบบผสานรวมจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงเกิน 54% ภายในช่วงปี 2011 ถึง 2016 ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเกิดจากผลดีของระบบไอทีดังกล่าวที่ได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายและประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการบริหารจัดการด้านไอที สามารถเพิ่มผลิตผลในระยะเวลาที่เร็วขึ้นจากการมีระบบไอทีที่อัปเดต ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวนี้น่าจะสร้างความแข็งแกร่งในการทำตลาดให้เดลล์ได้เป็นอย่างดี
Company Relate Link :
Dell
ที่มา: manager.co.th