สิทธัตถะ เอมเมอรัล"โจ นูโว" เริ่มไม่พอใจ ชาวเน็ตวิพากษ์หนัก “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ 2013” เห็นแก่ได้ ปล่อยภาพ-เสียง “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” ออกอากาศ “ทราย เจริญปุระ” โพสต์ห่วงกระแสที่จะตามมา ด้านจิตแพทย์สับทีมงานคุณธรรม-จริยธรรมต่ำ เพียงแค่เทปแรกที่ออกอากาศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เสียแล้วสำหรับรายการโชว์อย่าง “ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ 2013” หลังปล่อยให้ผู้เข้าประกวดรายหนึ่งที่ชื่อ “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” ขึ้นทำการแสดง
โดยหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวที่เป็นชายได้แนะนำตัวว่าชื่อ “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” อายุ 24 ปี อยู่กรุงเทพฯ, มากับแม่ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ซึ่งเมื่อถูก “เบนซ์ พรชิตา” หนึ่งในคณะกรรมการถามว่าแม่ไม่สอนให้พูดครับใช่ไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า “พอดีบ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท คุณธรรมสำคัญกว่า” และเมื่อถูกขอร้องให้ไหว้เปิดตัวใหม่ เจ้าตัวก็ได้บอกว่า...“เรื่องมารยาทช่างเถอะ อยากโชว์ อยากโชว์เสียงจะแย่แล้ว”
ด้วยกิริยาท่าทางและน้ำเสียงดังกล่าวนี้เองที่ทำให้อีกหนึ่งกรรมการอย่าง “โจ นูโว” ได้ตัดสินใจที่จะไม่ให้เจ้าตัวทำการแสดง โดยให้เหตุผลว่าตรรกะแค่นี้ยังไม่ผ่านก็ไม่ต้องโชว์ ขณะที่สาวเบนซ์ก็ได้ตอบกลับไปว่า...“รายการนี้ไม่ใช่รายการมารยาทไง รายการโชว์” และทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันได้โชว์เสียงร้อง ทางโจ นูโว ก็กดให้ไม่ผ่านทันที เช่นเดียวกับทางของ “ภิญโญ รู้ธรรม”
อย่างไรก็ตาม เมื่อร้องไปได้ไม่กี่ท่อนผู้เข้าแข่งขันก็ได้ร้องขอน้ำดื่มและขอร้องแบบสดๆ ซึ่งตอนนี้สองกรรมการชายได้ลุกเดินจากไป ปล่อยให้ทางเบนซ์ พรชิตา อยู่คนเดียวก่อนที่เธอจะกดไม่ให้ผ่าน พร้อมกับถามว่ามีใครเคยบอกเหรอว่าร้องเพลงเพราะ ซึ่งทางผู้เข้าแข่งขันได้ตอบว่า...“ที่เสียงแหบเพราะไม่ได้กินน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น” พร้อมกับบอกว่าที่มาเข้าประกวดก็เพราะเห็น ซูซาน บอยล์ และ กิ๊ก วารุณี ร้อง เลยอยากร้องบ้าง
ทั้งนี้หลังจากที่เทปดังกล่าวได้เผยแพร่ออกมา ในโลกไซเบอร์ต่างก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ทันที โดยส่วนใหญ่ต่างก็ติติงไปยังเวิร์คพอยท์ ในฐานะผู้ผลิตว่าปล่อยให้ผู้เข้าแข่งขันคนนี้ซึ่งดูเหมือนจะมีลักษณะเป็น “เด็กพิเศษ” แพร่ภาพไปได้อย่างไร เพราะนอกจากจะไม่ส่งเสริมแล้ว ยังเท่ากับทำร้ายทำลายอีกฝ่ายนึงอีกด้วย
“ผมดูหลายๆ คนแล้ว แบบนี้ไม่ใช่แค่กล้าก็ชนะแล้ว น่าจะเปลี่ยนเป็นแค่บ้าก็ชนะแล้วดีกว่ามั้ง...” บางส่วนแสดงความเห็น ขณะที่หนึ่งในคนบันเทิงที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือนักแสดงสาว “ทราย เจริญปุระ” ที่ได้โพสต์ผ่านเพซบุ๊กตัวเองว่า...
“โอเค อินทิราได้ชมโชว์อันลือลั่นของคุณเอมเมอรัลแล้ว มันประสบความสำเร็จมาก เพราะคนพูดถึงแน่นอน เรตติ้งมา ยอด View ในยูทิวบ์น่าจะเยอะ น้องๆ พุด เดชอุดม แต่เราไม่แน่ใจว่ามันสมควรแล้วเหรอ? (อันนี้พูดในกรณีไม่ได้เซตมาโชว์) เราเชื่อว่าคนเป็นผู้ปกครองของผู้ที่มีความต้องการพิเศษในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น (ซึ่งเราไม่รู้เรื่องทางการแพทย์หรอก แต่เราว่าเอมเมอรัลน่าจะมีปัญหาและความต้องการพิเศษที่ต่างจากค่าเฉลี่ยปกติแน่ๆ) ย่อมอยากให้ลูกได้มีที่ทางในการแสดงออก...แต่บางครั้งการแสดงออกต่อหน้าสื่อเยอะๆ และทั่วประเทศจนเค้ากลายเป็นสัญลักษณ์ของความอพิโธ่ อพิถังนี่มันดีตรงไหน เหมาะสมตรงไหนกันแน่? ถ้าคิดว่าแค่นี้คนไม่จำหรอก ก็ต้องนับว่าประมาทสื่อเกินไปมาก ไม่ได้คิดว่าจะต้องเอาคนไม่พร้อมเก็บไว้กับบ้าน แต่การมาแบบนี้กระแสมันแรงนะ รับมือไหวจริงๆ เหรอ กับการเข้าไปอ่านคอมเมนต์ด่าและเหยียดหยามในยูทิวบ์...”
ด้านจิตแพทย์ชื่อดัง “นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรล” อดีตวิทยากรรายการ “ชูรักชูรส” ก็ได้โพสผ่านเฟสบุ๊คของตนเองเช่นกันด้วยการต่อว่าไปยังทีมงานรายการดังกล่าวว่าคุณธรรมและจริยธรรมต่ำมาก เพราะต่อให้อีกฝ่ายจะมีสภาพจิตที่ปกติหรือไม่ปกติจริงก็ไม่น่าจะเอาเรื่องนี้มาเหยียบย่ำเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อเรตติ้งของรายการ
“...สำหรับผม ในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ อาจจะมองคนได้เก่งกว่าคนทั่วไปเนื่องจากทำงานกับคนป่วยมาเยอะ ผมสังเกตสีหน้าแววตาของผู้เข้าประกวดรายนี้(ชายอายุ 24 ปี ว่างงาน มากับแม่และย่า) ไม่มีท่าทีตลกขบขันหรือตอบสนองใดๆต่อผู้ชมมากนัก เริ่มต้นแค่แนะนำชื่อก็น่าเป็นห่วงแล้ว ว่าใช้ชื่อแปลกๆเป็นชื่อของพระพุทธเจ้า ...การร้องเพลง น้ำเสียงแปร่งๆขนาดนั้น ผมว่าหลายท่านคงเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่ได้เตี๊ยมกันมาหรือถึงแม้เตี๊ยมกันมาก็ตาม ....แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความคาดหวังที่ผมยังคงเหลือในตัวกรรมการทั้งสามคนว่า น่าจะให้เกียรติผู้เข้าประกวดในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์คนนึง ในเมื่อคุณเปืดโอกาสให้เขามาคัดเลือกตัวบนเวที โดยไม่มีข้อแม้ว่าจิตปรกติหรือไม่ปรกติก็ตามมิใช่หรือ? แต่สิ่งที่พวกคุณกระทำเหมือนเห็นกองอุจจาระกองหนึ่งบนเวที ดูน่ารังเกียจ และสามารถทำหน้าตาดูถูกเหยียดหยามได้มากขนาดนั้น แถมนายโจ ยังพูดอีกว่าเป็นแบบอย่างที่สังคมไทยไม่ควรกระทำตาม...
ผมถามหน่อยเถอะ ระหว่างคนที่สภาพจิตไม่ปรกติ แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ด่าใคร แค่มาขอโอกาสทางสังคมในการแสดงออกบ้าง มันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นหรือ ถ้าเทียบกับคนขายชาติ หรือพวกติดยาเสพติด เที่ยวระรานคนอื่นๆ ทำตัวเป็นมาเฟีย หลงตัวเอง สำมะเลเทเมาหรือตบตีทำร้ายผู้หญิง (ยกตัวอย่างทั่วๆไป ไม่ได้เจาะจงใครนะครับ อย่าร้อนตัว) ใครน่ารังเกียจมากกว่ากัน ยังดีที่เบนซ์ยังพอให้โอกาสบ้าง แม้จะมีท่าทีขยะแขยงและก็ดราม่าตามสไตล์ที่น่าเบื่อของเธอก็ตาม ก็ไม่น่ารังเกียจเท่าชายผู้สูงส่งในสังคมอีกสองคนนั่น ที่ถึงขั้นต้องเดินหนีออกไปแบบไร้สมอง ด้วยท่าทีที่รังเกียจมากขนาดนั้น ....
ผมฝากท่านๆช่วยกันหาคำตอบให้หน่อยครับ ว่าตกลงชายคนนี้เขามากับมารดาและย่าจริงหรือ? ทำไมพวกเขาปล่อยให้ญาติตัวเองขึ้นมาบนเวที แล้วให้คนไทยจำนวนนึงแสดงท่าทีตลกขบขัน รังเกียจเดียดฉันท์ได้ขนาดนั้น เขาไม่รู้หรือไม่แคร์ คุณรู้ไหม คนป่วยเหล่านี้(หรือหากแกล้งป่วย แต่การแสดงให้เห็นถึงสภาพจิตที่ไม่ปรกติ นั่นหมายถึงคนไข้จิตเวชนั่นเอง) น่าสงสารขนาดไหน ไม่รู้ตัวเอง ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ อยากทำอะไรก็ทำ ซึ่งความจริงพวกเขาควรมีคนคอยช่วยดูแลบ้าง หรือควบคุมบ้าง เพราะคนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ แต่รายนี้ผมว่ามองด้วยคอมมอนเซ้นท์ก็พอจะรู้ว่าจิตไม่ปรกติ และคนที่ถูกคัดเลือกมาเป็นกรรมการรายการแบบนี้ รวมถึงโปรดิวเซอร์ ควรจะรู้อะไรมากกว่านี้ ....หรือว่ารู้ แต่ยอมเอามนุษย์คนนึง(หรือตัวแทนคนป่วยทางจิต) มาเหยียบย่ำเพื่อความบันเทิงของรายการตัวเอง เพื่อเรตติ้งของรายการของตัวเอง ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดในประเทศอื่นๆที่เจริญแล้ว คนเขาให้การยอมรับและให้เกียรติคนในสังคมมากกว่านี้ ไม่ว่าจะจิตปรกติหรือไม่ปรกติก็ตาม
ผมว่ามาตรฐานคุณธรรมจริยธรรมและมาตรฐานความสามารถของทีมงานรายการนี้ .....ต่ำมาก.....ระวังว่าวันหนึ่ง พวกคุณเกิดป่วยทางจิตขึ้นมาแล้วทำอะไรตลกขบขัน แล้วคนอื่นเขาไม่รู้ และเอาคุณไปด่าหรือประนามหยามเหยียดบ้าง จะรู้สึกอย่างไร.....เวรกรรมมันมีจริงนะ....จะบอกให้ .....อย่ามัวแต่หลงระเริงกับหน้าตาหรูๆชื่อเสียงโด่งดังในสังคมอย่างเดียว....อะไรๆในโลกนี้ล้วนอนิจจังทั้งนั้น....ผมมีคนไข้ที่เคยดูดีๆแบบพวกคุณไม่น้อยเลย ....”
ที่มา: manager.co.th