ภาพที่เจ้าตัวเคยบอกว่าเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง "Red Shoe" “นาธาน โอมาน” โผล่รายการ “บอก 9 เล่าสิบ” แจงที่ผ่านมาจำเป็นต้องโกหกเพราะคนรอบข้าง ก่อนพูดเต็มปากคงจะต้องโกหกต่อไปแต่จะให้น้อย พูดชวนสงสารบอกเพราะตนมองโลกในแง่ดีเกินไป แถมแยกไม่ออกใครดีใครเลว? เงียบหายไปนานโดยมีข่าวออกมาบ้างประปรายนับตั้งแต่ถูกปล่อยตัวคดีฉ้อโกงเมื่อปลายปี 2554 ล่าสุดทางฟากของอดีตนักร้อง “นาธาน โอมาน” ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวของชีวิตล่าสุดผ่านในรายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่มี “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ทำหน้าที่พิธีกรให้ได้รับฟังกัน
ทั้งนี้เจ้าตัวได้เปิดเผยว่าระหว่างที่อยู่ในคุกนั้น ตนได้เรียนรู้และคิดอะไรได้เยอะมาก อยู่กับตนเอง มีสมาธิขึ้น จากที่ผ่านมาเพื่อนเคยเตือนตนไม่เคยเชื่อ ก็รู้ว่าควรจะทำอย่างไร และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่วนงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็คือการทำโอมสเตย์ที่พัทยา รวมถึงโครงการช่วยเหลือเกี่ยวกับเรือนจำ และอนาคตก็อยากจะเขียนหนังสือสักสองเล่ม เล่มหนึ่งบอกเล่าชีวิตในเรือนจำและอีกเล่มบอกเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา
และเมื่อถูกถามถึงเรื่องชดใช้เรื่องหนี้สินกับทางคู่กรณีอย่าง “น้ามด” หรือยัง รวมถึงรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายหรือไม่? เจ้าตัวบอกในตอนแรกว่าเคลียร์หมดแล้ว ตนติดคุกแล้ว แต่ต่อมาก็บอกว่าตนเองติดคุกเป็นการชดใช้ทางสังคม เป็นเรื่องของกฎหมาย หนี้สินตอนนี้จะมาเอากับตนก็คงจะได้วันละ 300 บาท ส่วนเรื่องจิตใจของอีกฝ่ายเจ้าตัวบอกว่าไม่สน เพราะตนเองติดคุกก็จิตใจย่ำแย่อยู่แล้ว
นอกจากนี้เมื่อพิธีกรถามว่ารู้สึกสงสารคนที่ตนเองโกหกไปมั้ย? เจ้าตัวไม่ได้ตอบโดยตรงแต่บอกว่า ทุกคนไม่ได้รู้ว่าความจริง แต่มาตัดสินว่าใครถูกใครผิด พร้อมกับเผยว่าที่ผ่านมาตนไม่ได้อยากโกหกแต่จำเป็นต้องโกหก...“มันมีเหตุผล จริงๆ ไม่ได้โกหก คือถ้าพูดตรงคนอยู่ข้างเราเขารับไม่ได้ ก็เลยต้องโกหกไปเพื่อความสบายใจ
พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังบอกด้วยว่าตนไม่ได้บ้าถึงขนาดที่คิดจินตนาการเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริง เพราะจริงๆ ตนแยกแยะได้ตั้งนานแล้ว แต่ตนไม่สามารถแยกแยะเพื่อนออกว่าคนไหนเป็นคนดีคนเลว ที่สำคัญคือตนเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป ซึ่งคนที่ไม่ได้เป็นเหมือนตนจะไม่เข้าใจ
ต่อคำถามของพิธีกรที่ว่าจากนี้ไปจะโกหกอีกมั้ย? ทางนาธานตอบว่า คิดว่าคงไม่โกหกแล้ว คงโกหกอ้อมๆ เพราะชีวิตคนเราอยู่กับเรื่องโกหกอยู่แล้ว แต่ควรโกหกให้น้อยและไม่ทำให้ใครเสียหาย ส่วนเรื่องเงินต่างๆ ที่โกงมานั้นเจ้าตัวบอก ตนเองไม่ได้เอาไปทำอะไรเลย เงินทั้งหมดอยู่กับพวกเขา คนรอบข้าง เพราะไม่เช่นนั้นตนคงรวยแล้ว
สำหรับ “นาธาน โอมาน” เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงจากการถ่ายแฟชั่นนิตยสาร ก่อนเข้าไปเป็นศิลปินนักร้องค่ายอาร์เอสฯ มีงานอัลบั้มแรกชื่อ “Nathan” จากนั้นหลายคนก็เริ่มรู้จักเขาคนนี้มากขึ้นผ่านรายการ “เจาะใจ” เทปออกอากาศเมื่อวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2547 ที่เจ้าตัวเผยว่าตนต้องทิ้งบ้านเกิดเพื่อตามหาฝันพิสูจน์ให้พ่อแม่รู้ว่าวิชาศิลปะนั้นสามารถเลี้ยงชีวิตได้, ต้องทำงานสารพัดเพื่อหาเงินเป็นทุนการศึกษา,เคยเก็บเหรียญบาทตามข้างถนนเพื่อไว้ซื้อข้าว, เคยถูกล่อลวงไปขายยังฝั่งเขมรจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด!
ถัดนั้นไม่กี่วันเจ้าตัวก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดจริงๆ หลังเป็นหนึ่งในคนที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ก่อนที่ให้หลังอีก 2 ปี เขาก็ได้ออกผลงานเพลงชุดที่ 2 ชื่อ “สิ่งที่เรียกว่าหัวใจ” รวมถึงเขียนหนังสือ “ผมมันเด็กหลังเขา (หิมาลัย)” และ “โลกนี้ไม่เหงาแล้ว (Not A Lonely Planet)” ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิตที่พิสดารเหลือเชื่อมากมาย
เดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ชื่อของ นาธาน กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งหลังเจ้าตัวออกมาเผยว่าได้โอกาสแสดงหนังฮอลลีวูดเรื่อง Red Shoe ร่วมกับ บรูซ วิลลิส และ คริสตินา ริชชี ทั้งที่ฟันค่าตัวกว่า 100 ล้านบาท ก่อนที่ทั้งหมดจะกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ และเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกแฉถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตจริงๆ คดีฉ้อโกงที่มีเหยื่อยาวเป็นหางว่าว ฯ เรียกได้ว่าตอนนั้นเรื่องราวของเขากลายเป็นหนังยาวที่ฉายนานกว่า 3 ปี ก่อนจะลงเอยด้วยการถูกศาลจังหวัดเลยตัดสินจำคุกไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2554 และได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมในปีเดียวกัน
ที่มา: manager.co.th