"อะเดล" นักร้องสาวชาวอังกฤษหนึ่งในศิลปินที่ขายงานเพลงได้มากที่สุดในวงการ ขึ้นโชว์เสียงในงานมองรางวัลออสการ์เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2013 ที่ ลอส แอนเจลิส/AFP เอเอฟพี - หลังตกต่ำมาร่วมทศวรรษ ล่าสุดอุตสาหกรรมเพลงโลกดูจะมองเห็นแสงสว่างบ้างแล้ว เมื่อมีรายงานว่ายอดขายเพลงตลอดปี 2012 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1999 เป็นสัญญาณว่าความพยายามในการปรับตัวสู่ยุคดิจิตอลเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว โดยจากข้อมูลของ สมาพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ (IFPI) ที่เป็นตัวแทนของบริษัทในธุรกิจดนตรีถึง 1,400 บริษัททั่วโลก ได้เปิดเผยว่ายอดขายผลงานเพลงในปี 2012 มีจำนวนสูงถึง 16,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.3% แม้จะเป็นอัตราการเพิ่มที่ไม่ได้สูงอะไรนัก แต่ก็เป็นอัตราการขยายตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมาที่ยอดขายเพลงลดลงมาตลอด ถือเป็นสัญญาณบวก และยุติความตกต่ำของตลอดทศวรรษ อันเป็นผลจากปัญหาการดาวน์โหลดเพลงผิดกฏหมายนั่นเอง
ฟรานซิส มัวร์ ผู้บริหารระดับสูงของ IFPI กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ถือเป็นความสำเร็จที่ได้มาอย่างยากลำบากของอุตสาหกรรมเพลง ที่ต้องปรับปรุงตัวเองใหม่, ต่อสู้อย่างหนัก และพยายามเปลี่ยนแปลงมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา"
"นี่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเพลงกำลังปรับตัวสู่โลกอินเตอร์เน็ต กำลังเรียนรู้ที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และพยายามทำเงินจากดิจิตอล"
IFPI ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าถึงตอนนี้การดาวน์โหลดซื้อเพลงแบบถูกกฏหมายผ่านเว็บไซต์อย่าง iTunes ของ Apple และช่องทางอื่น ๆ ก็เติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจ จนพอจะแทนที่ยอดขายแผ่นซีดีที่ตกลงเรื่อย ๆ ได้แล้ว ซึ่งตลอดปี 2012 มีการดาวน์โหลดเพลงและอัลบั้มต่าง ๆ ถึง 4,300 ล้านครั้งเลยทีเดียว
ส่วนบริษัทสมัครสมาชิกเพื่อฟังเพลงอย่างของ Spotify และ Rhapsody ก็มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 44% หรือคิดเป็นจำนวนสมาชิก 20 ล้านคนทั่วโลก โดยบริการสมัครสมาชิกเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ฟังเพลงฟรี ๆ แลกกับการดูโฆษณา หรือบางเจ้าก็ใช้การเก็บค่าสมาชิก โดยไม่กวนใจผู้ใช้ด้วยโฆษณา
อย่างไรก็ตามแม้จะมีสัญญาณบวกให้เห็นกันบ้างแต่ IFPI ก็ยอมรับว่าอุตสาหกรรมเพลงยังไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคสำคัญในการปรับตัวเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตได้เสียทีเดียว และยังเป็นอุปสรรคที่ผู้คนในอุตสาหกรรมคงไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเอง "ตลาดของเรายังโดนถ่วงด้วยการดาวน์โหลดเพลงแบบผิดกฏหมาย เป็นปัญหาที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ ด้วยการขอความร่วมมือไปยัง บริษัทโฆษณา, ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต, ผู้ให้บริการการสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และผู้เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ จึงจะสามารถต่อสู้กับปัญหาได้"
โดยจากตัวเลขของ IFPI ปรากฏว่า ซิงเกิล Call Me Maybe ของนักร้องสาวชาวแคนาดา คาร์ลี เร เจพเซ่น คืองานที่ขายได้มากที่สุดตลอดปี 2012 ตามมาด้วย Somebody I Used To Know ของ โกติเย่ และอันดับ 3 เป็น Gangnam Style เพลงสุดฮิตของศิลปินหนุ่มชาวเกาหลีใต้ ไซ ที่มิวสิควิดีโอของเพลงเพิ่งสร้างสถิติเป็นคลิปที่คนคลิ๊กเข้าไปดูใน YouTube เกิน 1,000 ล้านครั้งเป็นคลิปแรก
ด้านยอดขายอัลบั้ม ผลงานเพลงชุด 21 ของราชินีโซลแห่งเมืองผู้ดี อะเดล ยังคงฮิตต่อเนื่อง และทำสถิติเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่สองแล้ว
ที่มา: manager.co.th