ซีเอสซีหันจับธุรกิจมือถือหลังยอดสินค้าไอทีชะลอตัว พร้อมจับมือกับพันธมิตรผู้ค้ารายย่อยขยายช่องทางให้เจาะถึงใจลูกค้ามากขึ้นด้วยการขายมือถือผ่านตู้ หวังเป็นช่องทางใหม่ช่วยให้ยอดขายเพิ่มเป็น 2 เท่า ปั่นรายได้ปีนี้ทะลุ 6,000 ล้านบาท เตรียมงบลงทุนทางการตลาดมากกว่า 100 ล้านสร้างแบรนดิ้งและทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเปิด Flagship Store ที่จะมีทั้งสินค้าและบริการแบบครบวงจร นายพิชัย นีรนาทโกมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมพิวเตอร์ ซิสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือซีเอสซี กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจของซีเอสซีในปีนี้จะเน้นธุรกิจมือถือให้มากขึ้น เนื่องจากมองเห็นการเติบโตของตลาดที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคหนึ่งคนจะมีโทรศัพท์มือถือมากกว่า 1 เครื่อง หรือมีทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จึงคาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งตลาดมากถึง 20 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นสมาร์ทโฟน 50% ดังนั้นด้วยโอกาสทางการตลาดดังกล่าวทำให้ซีเอสซีจะเร่งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ด้าน
ทั้งในด้านพอร์ตสินค้าที่จะมีแบรนด์มือถือเพิ่มขึ้นในร้าน เช่น แอลจี ไอโมบาย การเพิ่มจำนวนร้านขายมือถือโดยเฉพาะของซีเอสซี รวมถึงเปิดแฟลกชิพ สโตร์ (Flagship Store) ที่จะมีทั้งการขายสินค้า บริการหลังการขาย และบริการด้านมือถือ รวมไปถึงการเปิดศูนย์บริการประจำภาคจนครบทั้ง 4 ภาค โดยปัจจุบันซีเอสซีมีสาขาทั้งหมด 130 สาขา จะขยายเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 50 สาขา เป็น 180 สาขาทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการเปิดช่องทางการขายใหม่อย่างการขายมือถือผ่านตู้ ที่ในปัจจุบันมีผู้ค้ารายย่อยหลายรายได้ให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับซีเอสซีแล้ว
“ซีเอสซีมองเห็นว่าการจะเจาะเข้าให้ถึงทุกกลุ่มเป้าหมายนั้นต้องทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงซีเอสซีได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น การขายผ่านตู้ในโซนโทรศัพท์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปจึงเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งที่จะเข้าไป โดยจะเป็นการร่วมมือกันพันธมิตรซึ่งอาจจะเป็นผู้ค้ารายย่อยที่ทำตลาดอยู่แล้ว แต่อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจก็จะสามารถมาขายสินค้าในตู้ที่มีป้ายของซีเอสซี ที่จะมาพร้อมสินค้าครบทุกแบรนด์ การรับประกันหลังการขาย”
นายพิชัยกล่าวว่า ในการขยายช่องทางจัดจำหน่ายดังกล่าว ทางบริษัทฯ ได้เตรียมงบการตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท สำหรับการทำแบรนดิ้ง เพื่อปรับภาพลักษณ์บริษัทให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น รวมทั้งทำการปรับแต่งหน้าร้านทุกสาขาให้เด่นสะดุดตาลูกค้ามากขึ้น และจะจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยตั้งยอดขายในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไอที 40% ธุรกิจมือถือ 55% และธุรกิจบีทูบี 5%
สำหรับรายได้รวมของปี 2555 อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท โดย 70% หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท มาจากกลุ่มสินค้าไอที 25% หรือประมาณ 850 ล้านบาท มาจากธุรกิจมือถือ และอีก 5% หรือ 170 ล้านบาท มาจากธุรกิจบีทูบี รายได้ของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2554 แล้ว มีการเติบโตสูงขึ้นกว่า 100% ทั้งนี้เป็นผลจากการที่บริษัทหันมาบุกธุรกิจมือถืออย่างเต็มตัวทำให้มีการรับรู้รายได้จากส่วนนี้ ขณะที่ธุรกิจไอทีก็สามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้
นายพิชัยกล่าวว่า การหันมาทำตลาดมือถือเพิ่มมากขึ้นเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมือถือในช่วงที่ผ่านมาสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด และก่อให้เกิดพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงเครื่องบ่อยขึ้น ในขณะที่ธุรกิจไอทีเอง สินค้ามีแนวโน้มปรับลดราคาลง การจะกระตุ้นยอดขายจะต้องใช้กลยุทธ์ที่มากขึ้นเพื่อรักษายอดเท่าเดิม แต่จากการขยายหน้าร้านของซีเอสซีทำให้ยังเชื่อว่าจะยังสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ส่วนในด้านธุรกิจบีทูบี บริษัทฯ ยังมีโครงการในมือที่รอการส่งมอบอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าสถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ
Company Relate Link :
CSC
ที่มา: manager.co.th