ผลวิจัยตลาดจากการ์ทเนอร์ (Gartner) ระบุว่าเอชพี (Hewlett-Packard) สามารถคว่ำยักษ์ใหญ่สีฟ้าอย่างไอบีเอ็ม (IBM) ขึ้นเป็นบริษัทที่ทำรายได้จากการขายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกได้มากที่สุดเป็นครั้งแรกในไตรมาส 1 ปี 2010 โดยตลาดเซิร์ฟเวอร์แพลตฟอร์ม x86 นั้นขยายตัวสดใส สวนทางแพลตฟอร์ม Unix และเมนเฟรม (mainframe) ที่เริ่มส่งแววขาลงชัดเจนยิ่งขึ้น
ข้อมูลระบุว่า เม็ดเงินรายได้ในตลาดคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์โลกประจำไตรมาส 1 ปี 2010 ที่ผ่านมานั้นเติบโตขึ้นราว 6% เมื่อเทียบจากไตรมาสแรกปี 2009 เบ็ดเสร็จคิดเป็นมูลค่า 10,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ในแง่ตัวเครื่อง ยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ในตลาดโลกตลอด 3 เดือนแรกของปีนี้คิดเป็น 2.1 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 23% เมื่อเทียบจากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
อัตราการเติบโตในแง่จำนวนเครื่องที่สูงกว่าอัตราการเติบโตด้านรายได้ สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางราคาคอมพิวเตอร์ที่ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม เจฟฟรีย์ ฮิววิตต์ (Jeffrey Hewitt) นักวิจัยตลาดของการ์ทเนอร์เชื่อว่านี่คือสัญญาณที่ดีเนื่องจากยอดขายเครื่องที่เพิ่มขึ้นคือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าผู้บริโภคมีความต้องการซื้อมหาศาลอย่างเป็นรูปธรรม
ฮิววิตต์เชื่อว่าชิปตระกูล Xeon หน่วยประมวลผลสำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์จากอินเทล (Intel) นั้นเป็นตัวกระตุ้นสำคัญให้บริษัทองค์กรสำนักงานทั่วโลกตัดสินใจซื้ออุปกรณ์เครือข่ายชิ้นใหม่ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังเพิ่งฟื้นตัว อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำแบบที่เคยทำไว้ในปี 2008
ข้อมูลการ์ทเนอร์ระบุว่า เม็ดเงินในตลาดคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ระบบปฏิบัติการ x86 ทั่วโลกนั้นมีมูลค่าราว 7,180 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32% ขณะที่ยอดขายเครื่องคิดเป็น 2.06 ล้านเครื่อง ถือเป็นสัดส่วนตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่ขยายตัวมากที่สุดในไตรมาสแรกของปีนี้
ตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่มีอัตราเติบโตยอดเยี่ยมรองลงมาคือเซิร์ฟเวอร์ไฮเอนด์งใช้ชิปตระกูล RISC และ Itanium มีสัดส่วนตลาดลดลง 27% เช่นเดียวกับส่วนตลาดอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องเมนเฟรมนั้น ลดลงอีกราว 15%
ผู้ค้าที่สามารถโกยรายได้ในตลาดเซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นมากที่สุดในไตรมาสแรกของปีนี้คือเอชพี (HP) และเดลล์ (Dell) แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือออราเคิล (Oracle) ที่ซื้อซันไมโครซิสเต็มส์ไปแต่ก็ยังไม่สามารถทำตลาดได้อย่างที่ตั้งใจไว้
ข้อมูลระบุว่า รายได้ธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ของเอชพีนั้นมีมูลค่ารวม 3,390 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15.9% ทำให้เอชพีมีส่วนแบ่งในตลาดทั้งหมด 31.5%
อันดับที่ 2 คือไอบีเอ็ม ซึ่งมีรายได้ลดลง 2.1% เหลือ 3,050 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนตลาด 28.4% ของตลาดรวม
อันดับที่ 3 คือเดลล์ โดยธุรกิจจำหน่ายเซิร์ฟเวอร์ของเดลล์นั้นทำเม็ดเงินเพิ่มสูงขึ้นอีก 35.5% มีมูลค่ารวม 1,670 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 15.6%
สำหรับออราเคิลนั้นสามารถจำหน่ายเซิร์ฟเวอร์แบรนด์ซันได่เพียง 42,528 เครื่องเท่านั้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนลดลงถึง 29.5% ในแง่ตัวเครื่อง ซึ่งในแง่รายได้ ออราเคิลสามารถทำรายได้ในธุรกิจเซิร์ฟเวอร์เพียง 598 ล้านเหรียญเท่านั้น คิดเป็นสัดส่วนลดลงถึง 38.7%
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้แปลว่าออราเคิลจะถึงกาลอวสาน เนื่องจากฮิววิตต์เชื่อว่า หลายองค์กรบริษัทยังรอที่จะซื้อเซิร์ฟเวอร์ที่มาพร้อมชิป Ultrasparc ของซัน ซึ่งอาจจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในไตรมาสต่อไป
ที่มา: manager.co.th