"เอชพี" เดินเกมขยายตลาดภาครัฐจัดสัมมนาใหญ่ผู้บริหารไอทีภาครัฐ เสนอเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งช่วยลดต้นทุน เผยภาวะวิกฤตภาครัฐจำเป็นต้องลงไอทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ด้านการควบรวม "ทรีคอม" แล้วเสร็จ มิ.ย.นี้ จัดโครงสร้างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเอชพีในชื่อกลุ่มธุรกิจ "เอชพีเน็ตเวิร์ก"
นายมารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์เอ็นเตอร์ไพรส์ เซอร์เวอร์ สตอเรจ และเน็ตเวิร์กกิ้ง กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2553 เอชพีจะโฟกัส ในการทำตลาดภาครัฐมากขึ้น เพราะตลาดภาครัฐมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ และการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเติบโตของจีดีพี การลงทุนด้านไอทีจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงประเทศเกิดวิกฤตภาครัฐจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยปี 2553 พบว่าการใช้จ่ายด้านไอทีของภาครัฐเพิ่มขึ้นระดับดับเบิลดิจิตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนมากกว่าภาคเอกชน โดยปกติตลาดรวมไอทีมีการเติบโตมากกว่า 2 เท่าของจีดีพี ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 4-5%
กลยุทธ์ของเอชพี คือ การแนะนำเทคโนโลยีใหม่และให้ความรู้กับภาครัฐเป็นหลัก ล่าสุดเอชพีได้จัดงาน "HP Government CIO Forum 2010" เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีแก่ผู้บริหารไอทีภาครัฐจำนวน 150 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าปัจจุบันของเอชพีโดยเน้นการเสนอเทคโนโลยีโซลูชั่น คลาวด์คอมพิวติ้งเป็นหลัก เพราะจะสามารถช่วยให้เซิร์ฟเวอร์อุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และการบริการต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ มีต้นทุนการเป็นเจ้าของต่ำกว่าระบบที่มีโซลูชั่น ทำงานแยกกัน นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ และเครือข่ายของหน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วยงานให้รู้จักกันด้วย
โดยปัจจุบันพบว่า หน่วยงานภาครัฐยังเพิ่งเริ่มต้นทำความเข้าใจกับคลาวด์ คอมพิวติ้ง โดยเอชพีตั้งความหวังว่า ทุกหน่วยงานของรัฐจะหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์ให้มากที่สุดในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ตลาดคอร์ปอเรตอื่น ๆ เอชพียังให้ความสำคัญเช่นกัน โดยจะเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์
"คาดว่าสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นผู้ให้บริการไอทีรวมถึงแต่ละรายจะเริ่มพูดถึงโซลูชั่น disaster recovery มากขึ้น จากเดิมที่องค์กรส่วนใหญ่มองเฉพาะระบบ back up อย่างเดียว แต่การจะเลือกไปใช้มากน้อยขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงาน"
ด้านนายเบง เทค เลียง กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์จากเอชพีกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันภาพรวมการลงทุนด้านไอทีทั้งกลุ่มภาครัฐและเอกชนยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาเอชพีมีการเติบโตดับเบิลดิจิต และสถานการณ์ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นคาดว่าจะกระทบกับอุตสาหกรรมไอทีโดยเฉพาะกลุ่มคอนซูเมอร์ที่น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาด คอร์ปอเรต แต่ตนยังไม่สามารถประเมินได้ ขอรอดูสถานการณ์ก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทแม่ของเอชพีต่างกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากและจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่กระนั้นเอชพียังคงมีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องไม่ได้มีการปรับแผนแต่อย่างไร
ทั้งนี้ เบื้องต้นเอชพีร่วมมือกับดิสทริบิวเตอร์ 2 ราย คือ เดอะแวลลูซิสเตมส์ และเอสไอเอส มอบเซิร์ฟเวอร์จำนวน 30 เครื่องให้กับกระทรวงการคลัง เพื่อบริจาคให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นด้วย
นายเบง เทค เลียง ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการกับทรีคอมผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายนั้นเรียบร้อยแล้วในระดับโลก โดยในประเทศไทยคาดว่าโครงสร้างจะเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้ โดยทรีคอมประเทศไทยจะเป็นหน่วยงานอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ในเอชพี และมีชื่อว่าเอชพีเน็ตเวิร์กดูแลงานด้านอุปกรณ์ระบบเครือข่าย
ที่มา: prachachat.net