Author Topic: กระแสสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตบูม "ร้านค้าแห่งอนาคต"ต้องเกิด!!  (Read 767 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


คริสเตียน ชาร์ตัน ผู้บริหารเอชพี (คนขวา)

ถึงเวลาร้านค้าปลีกทั่วโลกต้องเปลี่ยนแปลง "เอชพี" ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการระบบงานสำหรับร้านค้าปลีกระบุว่าความร้อนแรงของกระแสแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนจะผลักดันให้ร้านค้าปลีกแห่งอนาคตต้องแจ้งเกิดอย่างจริงจัง ชี้ 2 เทรนด์แรงที่ร้านค้าทั่วโลกกำลังประเดิมปรับตัวคือการเพิ่มระบบรับชำระเงินแบบเคลื่อนที่ได้ และการเพิ่มมูลค่าร้านด้วยกำแพงไฮเทค หรือการติดหน้าจอเพื่อเปลี่ยนกำแพงร้านให้เป็นจุดให้ข้อมูลอินเทอร์แอ็กทีฟ ฟันธงปีนี้ตลาดโซลูชันค้าปลีกขยายตัวแรงทั่วเอเชีย เช่นเดียวกับธุรกิจไทยที่ต้องปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันในยุค AEC
       
       คริสเตียน ชาร์ตัน ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจค้าปลีก ภาพพิมพ์ และระบบประมวลผลส่วนบุคคล บริษัท เอชพี เปิดเผยทิศทางตลาดค้าปลีกโลกไว้ในงานแสดงเทคโนโลยีค้าปลีก NRF 2013 ซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ว่าพฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันล้วนมีผลทำให้ร้านค้าต้องปรับตัว เนื่องจากการสำรวจที่พบว่ายอดจำหน่ายสินค้าจาก Windows store หรือหน้าต่างแสดงสินค้าตามห้างโชว์นั้นตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวันนี้ผู้บริโภคทุกคนมีสมาร์ทโฟนไว้เสิร์ชหาราคาที่ดีกว่าบนอินเทอร์เน็ต
       
       "ธุรกิจค้าปลีกในวันนี้จึงต้องมีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งหน้าร้าน โมบายล์ และออนไลน์ จริงๆ ต้องบอกว่าปัจจัยผลักดันธุรกิจค้าปลีกเกิดขึ้นทั้งจากด้านผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ร้านค้าต้องปรับตัวให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีไม่รู้จบ ซึ่งสามารถทำได้เพราะโลกเทคโนโลยีนั้นมีพัฒนาการต่อเนื่อง ขณะที่ร้านค้าต้องบังคับให้ตัวเองเติบโตตามภาคอุตสาหกรรมที่ต้องก้าวไปพร้อมโลกาภิวัฒน์"
       
       คริสเตียนชี้ว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของร้านค้าปลีกในอนาคตอย่างมาก ความนิยมเรื่องหน้าจอทัชสกรีนของผู้บริโภคทำให้ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องปรับตัวให้ "สมาร์ทและทัชได้" ซึ่งจะสามารถเพิ่มความพึงพอใจ และสร้างภาพลักษณ์ให้ร้านค้าปลีกให้เป็นที่จดจำได้

"ยกตัวอย่างเช่นในฮ่องกง คิวรอร้านอาหารในฮ่องกงมักจะยาว และใช้เวลานาน เราอาจพัฒนาระบบให้ลูกค้าได้สั่งอาหารก่อนทางแท็บเล็ต ซึ่งจะสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดในระบบอื่นๆได้ เช่น ระบบกระดานดิจิตอลหน้าร้านที่สามารถบอกเวลาที่ลูกค้ารายอื่นต้องรอโดยประมาณ หรือการส่งข้อมูลเหล่านี้ไปสู่การแจ้งข้อมูลการจองโต๊ะผ่านสมาร์ทโฟนได้"
       
***ร้านค้าแห่งอนาคต ต้องไร้รอยต่อ!
       
       1 ใน 5 แนวทางที่เอชพีมองว่าเป็นทิศทางของร้านค้าปลีกในอนาคตคือการให้บริการแบบไร้รอยต่อ ซึ่งร้านค้าปลีกจะทำได้ด้วยการใช้อินเทอร์เน็ต, คีออสก์ (Kiosk) และดิจิตอลไซเนจ (Digital Signage) ป้ายประกาศดิจิตอลที่จะมาแทนที่หน้าจอทีวีทั่วไป หากทุกอย่างนำมาประสานร่วมกันจะทำให้ร้านค้าปลีกสามารถเข้าถึงลูกค้าได้จากทั้งทางหน้าร้าน โมบายล์ และออนไลน์
       
       อีก 4 แนวทางร้านค้าในอนาคตที่เอชพีมองคือการสร้างความแตกต่าง ซึ่งร้านค้าสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มสื่ออินเทอร์แอ็กทีฟที่สร้างความรู้สึกสดใหม่ให้ลูกค้าได้ตื่นเต้นกว่าเดิม, การให้บริการและขายแบบรายบุคคล เช่นการนำระบบให้บริการตัวเองหรือ Self service แบบสัมผัสมาใช้เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์เฉพาะตัวที่ชื่นชอบ หรือการผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับลูกค้าแต่ละคน เช่น การขอส่งบิลทางอีเมลแทนที่ลูกค้าจะต้องเสียเวลานั่งรอที่ร้าน

นอกจากนี้ร้านค้าในอนาคตยังควรเพิ่มมูลค่าให้ร้าน ด้วยการนำระบบรับชำระเงินแบบพกพาหรือ Mobile POS มาใช้เพื่อให้ร้านค้าสามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ดีกว่าเดิม ลดข้อจำกัดเรื่องการต้องเดินไปที่เคาท์เตอร์ชำระเงินเท่านั้น ที่สำคัญคือร้านค้าควรมีระบบดูแลให้ลูกค้าติดตามร้านอยู่เสมอ อาจจะมีระบบติดตามสำหรับลูกค้าแต่ละราย
       
       หากจะเดินตามแนวทางทั้งหมดนี้ ร้านค้าจะต้องเปลี่ยนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (โซลูชัน) ใหม่ จุดนี้เอชพีเชื่อว่าตลาดโซลูชันสำหรับร้านค้าปลีกจะขยายตัวในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยตลาดที่เชื่อว่าจะมีการเติบโตสูงสุดในระยะนี้คือระบบ Mobile POS และระบบ Digital Signage ซึ่งจะเป็นพื้นที่แรกที่ร้านค้าปลีกเริ่มต้นปรับตัว


Digital Signage หน้าจอทีวีที่ไม่ธรรมดา สามารถปรับและตั้งค่าให้แสดงภาพได้ต่อเนื่องหลายหน้าจอ


ระบบจัดการค้าปลีก ณ จุดขายแบบพกพาของเอชพี (Mobile POS)


ต้นแบบระบบบริการตัวเองของเอชพี ผู้ใช้สามารถทำรายการที่หน้าจอเพื่อรับคูปองส่วนลดก่อนออกจากร้านได้

***Digital Signage แรงจัด ฉุดไม่อยู่
       
       Digital Signage นั้นเป็นหน้าจอแสดงภาพดิจิตอลที่มีความสามารถเหมาะกับการเป็นป้ายโฆษณาดิจิตอลมากกว่าทีวีธรรมดา เพราะหน้าจอทีวีธรรมดาไม่สามารถกลับด้านเพื่อแสดงภาพในแนวตั้งได้ แต่ Digital Signage สามารถปรับ และตั้งค่าให้แสดงภาพได้ต่อเนื่องหลายหน้าจอหลากรูปแบบตามต้องการ ขณะที่ POS ระบบจัดการค้าปลีก ณ จุดขาย (Point-of-sales) นี้กำลังปรับให้สามารถทำงานได้ยืดหยุ่นกว่าเดิมซึ่งมักเป็นระบบที่ติดตั้งตายตัวอยู่ที่เคาน์เตอร์รับชำระเงิน คาดว่าระบบ Mobile POS ในรูปแท็บเล็ตจะเริ่มแพร่หลายในร้านค้าปลีกทั่วโลก
       
       งานนี้เอชพีเผยว่ากลยุทธ์หลักที่วางไว้สำหรับตลาดโซลูชันร้านค้าปลีกคือการเน้นประสานกับผู้ค้าระบบหรือ ISV อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับตลาดไทยที่เอชพีมั่นใจว่าจะมีการเติบโตสูงเพราะธุรกิจไทยต้องปรับตัวรับการแข่งขันเสรีในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC
       
       "ที่เอชพีทำได้คือตอบความต้องการของธุรกิจให้ดีที่สุด เราจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องการในยุค AEC"

เอชพีระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการร่วมมือกับ ISV (Independent Software Vendor - ผู้ค้าซอฟต์แวร์อิสระ) ในไทย โดยมีการเซ็นสัญญาเพื่อปรับซอฟต์แวร์ให้เข้ากับท้องถิ่น จุดนี้เอชพีระบุว่าอีกภารกิจหลักช่วง 1 ปีครึ่งนับจากนี้ คือการสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจในภาพรวม และการให้ความรู้แก่ธุรกิจให้ธุรกิจเห็นคุณค่าของโซลูชัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าการปรับใช้เทคโนโลยีในร้านค้าจริง
       
       ผู้บริหารเอชพีแสดงความมั่นใจว่าเอชพีจะสามารถแข่งขันกับระบบ Mobile POS สัญชาติจีนที่มีราคาประหยัดกว่า เนื่องจากแม้จีนจะมีแบรนด์ POS ท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง แต่แบรนด์เหล่านี้อาจยังไม่มีโซลูชันที่ครบถ้วน เป้าหมายของเอชพีจึงเป็นการเข้าไปในกลุ่มผู้ค้าปลีกแบรนด์ใหญ่ พร้อมกับเสนอแนวทางรับประกันระบบหลังการขายที่เข้มข้น
       
       ในตลาดโลก การสำรวจของไอดีซีพบว่าเอชพีมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็นอันดับ 2 รองจากเบอร์ 1 คือ IBM โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีเป็นเลข 2 หลัก จุดนี้เอชพีระบุว่าอนาคตของโซลูชันร้านค้าปลีกนั้นสดใสเพราะตัวเลขการลงทุนในตลาดช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีมูลค่ามากกว่าเม็ดเงินลงทุนในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้
       
       "ตัวช่วยของเอชพีในการทำให้บริษัทค้าปลีกเห็นว่าการลงทุนระบบมีความคุ้มค่าคือพันธมิตร ซึ่งจะเป็นผู้เน้นให้บริษัทค้าปลีกตระหนักรู้ว่าสินค้าราคาถูกที่สุดไม่ได้ดีที่สุด นอกจากพันธมิตรที่ดี เอชพียังมีโครงการกู้ยืมให้แก่บริษัทที่ต้องการลงทุน ขณะเดียวกันก็เสนอบริการรับประกันอุปกรณ์นาน 5 ปีโดยบริษัทรีเทลสามารถเพิ่มจากระยะเวลาประกันเครื่อง 3 ปีตามปกติ โดยจะสนับสนุนหลังการขายอีก 5 ปี"
       
       เอชพีระบุว่าเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของร้านค้าปลีกเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก เชื่อว่าจะแพร่หลายในช่วง 4 ปีนับจากนี้ โดยนอกจากลูกค้าร้านรีเทลที่เป็นกลุ่มตลาดหลักของเอชพีซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐ ทั้งห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารที่มีการขยายสาขาไปทั่วโลก เอชพีเชื่อว่าอีกตลาดสำคัญของธุรกิจโซลูชันรีเทลคือร้านค้าปลีกในประเทศจีน
       
       "ในตลาดพีซี จีนนั้นเติบโตแซงตลาดสหรัฐฯไปแล้ว เชื่อว่าตลาดรีเทลในจีนก็จะเติบโตสุดขีดเช่นกัน รวมถึงอินเดียและหลายประเทศในเอเชีย"


แท็บเล็ต HP ElitePad 900 ซึ่งทำให้ระบบชำระเงินไม่ต้องติดตั้งตายตัวอยู่ที่เคาน์เตอร์รับชำระเงิน

จับเทรนด์ค้าปลีกโลกในงาน NRF 2013
       
       งาน NRF 2013 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับวงการค้าปลีกโลก เช่นการประกาศความร่วมมือระหว่าง PayPal ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์กับผู้ค้าปลีกรายใหญ่ 23 รายของสหรัฐฯ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าจากร้านได้ผ่านไอโฟน และอุปกรณ์พกพา
       
       PayPal ประกาศในงานนี้ว่าผู้ค้าปลีก 23 รายใหญ่ของสหรัฐฯตกลงเซ็นสัญญาเพื่อนำ PayPal มาใช้กับหน้าร้าน โดยผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง RadioShack, Abercrombie & Fitch, Home Depot, JC Penny, Office Depot หรือแม้แต่ Toys “R” Us รวมถึงร้านค้าปลีกรายใหญ่อื่นๆที่จะถูกประกาศชื่อตามมาในอนาคต ผลจากการประกาศครั้งนี้จะทำให้หน้าร้านค้าปลีกของแบรนด์ดังเหล่านี้ที่มีจำนวนรวมกว่า 18,000 แห่งจะนำ Paypal มาใช้ในระบบ เพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์พกพาสามารถสั่งซื้อ ชำระเงิน และกำหนดวันเวลาไปรับสินค้ากับร้านค้าได้โดยตรงจากสมาร์ทโฟน ซึ่งคาดว่าจะมีความร่วมมือลักษณะนี้มาขึ้นอีกในปี 2013
       
       นอกจากนี้ แบรนด์อย่าง Adidas ยังนำ interactive wall หรือกำแพงอินเทอร์แอ็กทีฟเพื่อให้ข้อมูลสินค้าแบบแนบเนียนของอินเทลมาโชว์ในงาน โดย Adidas วางแผนนำหน้าจอยักษ์นี้ไปใช้งานจริงในปีนี้หลังจากประสบความสำเร็จจากการทดลองติดตั้งในร้านค้ามากกว่า 30 แห่ง โดยระบุว่าเฉพาะที่ญี่ปุ่น กำแพงอินเทอร์แอคทีฟนี้ทำยอดสั่งจองสินค้าคิดเป็น 22% ของยอดสั่งจองรองเท้ารุ่น Predator ซึ่งวางจำหน่ายที่ 420 สาขาทั่วโลก
       
       งานนี้อินเทลยังโชว์โซลูชันของบริษัทจำหน่ายเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศอย่าง McCormick ซึ่งเพิ่งเปิดร้านแรกที่บัลติมอร์ในเดือนสิงหาคม โซลูชันดังกล่าวเป็นเครื่อง interactive machine ซึ่งได้ชื่อเรียกว่า “Guess that Spice” ระบบจะส่งกลิ่นเครื่องเทศเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกจากการเดาชื่อเครื่องเทศนั้น และระบบจะให้คูปองส่วนลดเป็นการตอบแทน ถือ้ป็นหนึ่งในวิธีการ engage ร้านเข้ากับลูกค้าที่น่าสนใจ
       
       ยังมีโซลูชันของบริษัทกาแฟสัญชาติยุโรปอย่าง Costa ซึ่งเปิดมิติเครื่องจำหน่ายกาแฟรูปแบบใหม่โดยเริ่มนำระบบจำหน่ายกาแฟอัตโนมัติที่ออกแบบโดยอินเทลมากกว่า 10,000 เครื่องมาให้บริการทั่วยุโรปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตัวเครื่องออกแบบหรูหราสไตล์เดียวกับซูเปอร์คาร์ Ferrari ตัวเครื่องสามารถเลียนแบบเสียงเครื่องทำกาแฟได้จนผู้ซื้อรู้สึกเหมือนอยู่ในร้านกาแฟสด ตัวเครื่องสามารถส่งกลิ่นหอมกาแฟปรุงแต่งได้มากถึง 276 รูปแบบ เช่น ถั่วเฮเซลนัทลาเต้ โดยระบบนี้จะติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจตราข้อมูลลูกค้าว่าเป็นเพศใดและช่วงอายุใดบ้าง ขณะเดียวกันก็ทำให้บริษัทติดตามได้ว่า เครื่องจำหน่ายกาแฟไปแล้วกี่ถ้วย รวมถึงประเมินเวลาที่นมสดในเครื่องจะหมดลงได้อย่างแม่นยำ
       
       --------------------------------------------
       
       ผู้บริโภคกำลังถูกจับตา
       
       จริงอยู่ที่แบรนด์และบริษัทค้าปลีกจับตาผู้บริโภคมาตลอด แต่ยุคดิจิตอลเป็นยุคที่ทำให้การจับตาผู้บริโภคทำได้มากขึ้น โดยท่ามกลางผู้ร่วมแสดงเทคโนโลยีค้าปลีกมากกว่า 500 รายในงาน National Retail Federation 2013 พบว่าหลายบริษัทร่วมกันเปิดทางให้ร้านค้าได้วิเคราะห์การช็อปปิ้งของผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
       
       ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพวิดีโอเพื่อให้บริษัทค้าปลีกสามารถรับรู้ข้อมูลผู้เข้าชมร้านทั้งเพศและวัยของลูกค้า แถมยังสามารถติดตามว่าลูกค้าเข้าชมแผนกใดบ้าง และเข้าชมนานเท่าใด และมีผู้ชมกี่คนที่ควักกระเป๋าซื้อ
       
       จุดนี้ผู้ผลิตเทคโนโลยีพยายามให้ความรู้ร้านค้าปลีกว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทค้าปลีกจะต้องรู้และเข้าใจข้อมูลเรื่องอื่นนอกจากจำนวนลูกค้าเข้าร้าน ตัวเลขที่ชัดเจนจะช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารจัดการสินค้าได้ดีขึ้น และสามารถเปลี่ยนลูกค้าให้เป็นผู้ซื้อได้อย่างเห็นผล


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
6141 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
7770 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
5212 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6673 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick
0 Replies
4824 Views
Last post January 18, 2012, 02:03:34 PM
by Nick
0 Replies
6353 Views
Last post May 15, 2012, 09:59:24 PM
by Nick
0 Replies
4028 Views
Last post July 13, 2012, 05:12:23 PM
by Nick
0 Replies
4536 Views
Last post September 10, 2012, 02:15:49 PM
by Nick
0 Replies
4989 Views
Last post December 02, 2012, 04:31:30 PM
by Nick
0 Replies
2879 Views
Last post December 16, 2012, 12:21:38 PM
by Nick