ดีแทคมั่นใจสามารถให้บริการ 3G ความถี่ 2.1 GHz ครอบคลุมประชากร 50% ภายใน 1 ปี เร็วกว่าที่ กสทช.กำหนดเท่าตัว ด้วยจำนวน 6,500 สถานีฐาน เนื่องจากใช้การสลับสถานีฐานเดิมที่เพิ่งมีการลงทุนในปีนี้มาให้บริการ พร้อมวางงบลงทุน 3G ใน 3 ปี 2.5 หมื่นล้านบาท นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า จากการลงทุนเครือข่ายใหม่ในปี 2555 ส่งผลให้ดีแทคมีเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ และรองรับการให้บริการ 3G แล้ว ทำให้สามารถสับเปลี่ยนตัวสถานีฐานเดิม มาให้บริการ 3G ด้วยความถี่ 2.1 GHz ได้ทันที เพียงแต่ต้องการปรับจูนเครือข่ายให้ดีที่สุดก่อน เปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2556
“ดีแทคคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ 3G ความถี่ 2.1 GHz ได้ครอบคลุม 50% ของประชากรภายในสิ้นปี 2556 เร็วกว่าที่กสทช.ให้เวลาไว้ 2 ปี และเชื่อมั่นว่าจากพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมดังกล่าวจะช่วยลดกระแสต่อต้านในเรื่องของค่าใบอนุญาต และจะครอบคลุม 80% ภายใน 3 ปีข้างหน้า”
โดยทางดีแทคเตรียมงบลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงปีแรกจะเน้นการสับเปลี่ยนสถานีฐานเดิมที่เพิ่งมีการลงทุนในปีที่แล้ว 10,000 สถานี เพื่อให้รองรับการใช้งาน 3G ความถี่ 2.1 GHz โดยไม่ต้องมีการเพิ่มสถานีฐาน เพราะคาดว่าเพื่อให้ได้พื้นที่ครอบคลุม 50% จะใช้สถานีฐานราว 6,000-6,500 สถานีฐานเท่านั้น ซึ่งยังไม่นับรวมกับสถานีฐาน 3G บนย่านความถี่ 850 MHz ที่ติดตั้งไปแล้วเสร็จ 5,000 สถานี
นายจอนกล่าวต่อว่า เบื้องต้นดีแทควางเป้าหมายให้ลูกค้าย้ายการใช้บริการจาก 2G เดิมเป็น 3G ความถี่ 2.1 GHz ภายในช่วงระยะเวลา 4 ปี ซึ่งคาดว่าภายในปีแรกลูกค้า 50% จะย้ายมาใช้งาน และปีที่สองลูกค้าส่วนใหญ่จะย้ายตามมา แต่ก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วก็จะยังมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ยังใช้บริการ2G เดิมอยู่
“เป็นที่รู้กันว่าเมื่อประชากรเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 10% จะช่วยเพิ่มจีดีพีประเทศได้ 1% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท ดังนั้นยิ่งการเปิดให้บริการ 3G เร็วขึ้นเท่าใด ประชาชน และประเทศก็จะได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเป็นการให้บริการบนใบอนุญาต ก็จะทำให้การแข่งขันเสรีมากขึ้น”
ขณะที่ในส่วนของการปรับลดค่าบริการลงไม่น้อยกว่า 15% ตามที่ กสทช.ระบุไว้นั้น ดีแทคเชื่อมั่นว่าด้วยกลไกของตลาดจะทำให้ค่าบริการปรับลดลงอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะไม่ได้เห็นในรูปแบบการปรับราคาบริการด้านเสียง ดาต้า หรือข้อความสั้นแบบใดแบบหนึ่ง แต่จะเป็นการปรับเพิ่มมูลค่าของแพกเกจที่มีการบันเดิลทั้งเสียง ดาต้า และข้อความสั้นเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้งานอาจได้เห็นราคาแพกเกจเดิม แต่เพิ่มปริมาณการ โทร. การใช้งานดาต้า และการส่งข้อความ ที่ผู้บริโภคสามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
สำหรับในปี 2556 ดีแทคจะสานต่อกลยุทธ์ลูกค้าคือศูนย์กลาง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีที่สุด ที่เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรในปี 2555 และยังวางแผนที่จะทำการปรับแต่งหน้าร้าน 240 แห่งให้เป็นรูปแบบใหม่ คือมีส่วนของการให้บริการ 50% และส่วนของการขาย 50% เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ปรับแต่งเสร็จแล้ว 65 ร้าน
Company Relate Link :
DTAC
ที่มา: manager.co.th