ไมโครซอฟท์ ชี้ Outlook.com ยอดผู้ใช้พุ่ง

[Nick]

ไมโครซอฟท์เผย Outlook.com เปิดให้บริการเพียง 4 เดือน มีผู้เข้าใช้บริการ Outlook.com แล้วกว่า 25 ล้านคน โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ย้ายมาจาก Gmail ชี้ผลสำเร็จเกิดจากการปรับปรุงและนำเสนอสิ่งใหม่ๆเพียบส่วนปี 2013 ไมโครซอฟท์จะเปลี่ยนหน้าจอของผู้ใช้ Hotmail ให้เป็น Outlook.com โดยอัตโนมัติ
       
       นายไบรอัน ฮอล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมโครซอฟท์ ซึ่งดูแลผลิตภัณฑ์ในส่วนของ Internet Explorer, Outlook.com, SkyDrive, Windows Store กล่าวว่า หลังจากที่ไมโครซอฟท์ เปิดให้บริการ Outlook.com ได้เพียง 4 เดือนได้มีผู้เข้าใช้บริการ Outlook.com แล้วกว่า 25 ล้านคนแล้ว โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ใช้ Outlook.com ได้ย้ายมาจาก Gmail และที่เหลือ คือ ผู้ที่ใช้บริการ Hotmail มาตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการที่ Outlook.com เดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมเป็นจำนวนมากจากผู้ที่ได้ทดลองใช้ Outlook.com
       
       จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่ใช้บริการของ Gmail กว่าหลายร้อยบัญชีที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Outlook.com กว่า 80% ชอบ Outlook.com มากกว่าและมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนมาใช้บริการ Outlook.com ด้วยจุดเด่นของ Outlook.com คือการมีรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย สบายตา สามารถกำจัดความยุ่งเหยิงให้พ้นไปจากหน้าจอ ทำให้สามารถเห็นจำนวนอีเมลในหน้าจอเพิ่มขึ้น 30% นอกจากนี้ยังแสดงจำนวนโฆษณาลดน้อยลงกว่า 60% ในหน้าอีเมลส่วนบุคคล
       
       นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการอีเมลขยะและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ช่วยจัดการอีเมลให้เป็นระเบียบ แม้ว่ากว่า 50% ของอีเมลที่ได้รับเป็นจดหมายข่าว อีก 20% เป็นอีเมลอัปเดตจากบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ผู้ใช้จะดำเนินการเพียงไม่กี่คลิกก็จะสามารถจัดการกับอีเมลเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย และด้วยฟังกชัน ‘Sweep’ หรือ ระบบจัดการอีเมลขยะนั้น ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่าสามารถกำจัดอีเมลขยะกว่า 12,000 ข้อความที่ค้างอยู่มานานกว่า 5 ปี ให้เหลือเพียง 4,000 ข้อความภายในเวลาแค่เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
       
       "เมื่อปี 2004 หรือ 8 ปีผ่านมาหลังจาก Gmail ได้เปิดให้บริการอีเมลพื้นฐานพร้อมมอบพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 1 GB ทำให้การพัฒนาของบริการอีเมลได้หยุดชะลง แต่ในวันนี้หลายสิ่งแตกต่างไปผู้บริโภคหันมาใช้บริการการสื่อสารแนวใหม่อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และสไกป์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีและช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการพัฒนา Outlook.com ก็เช่นกัน ได้รับการออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการอีเมลกว่าพันล้านคน"
       
       นายไบรอัน กล่าวว่า เพื่อเป็นการตอบสนองกับโลกสื่อสาร Outlook.com ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเพื่อน สามารถดูภาพและการอัปเดตข้อความจากโซเชียลเน็ตเวิร์กได้โดยตรงบนหน้าจอหลักของบัญชีอีเมลได้ทันที และเร็วๆนี้ จะสามารถใช้บริการ Skype Video Calling ได้โดยตรงจากหน้าจออีเมลของตนเอง
       
       "ปัจจุบัน Outlook.com ได้แสดงการอัปเดตสถานะเฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ เป็นจำนวนมากกว่า 1 พันล้านข้อความ ในจำนวนผู้ใช้บริการ Outlook.com มากกว่า 6 ล้านคน มีการอัปโหลด แก้ไข หรือเขียนข้อมูลไว้บน SkyDrive อย่างสม่ำเสมอ และถึงแม้ว่าผู้ใช้บริการ Outlook.com ที่อัปเกรดมาจาก Hotmail จะสามารถเปลี่ยนกลับไปใช้ Hotmail ได้ แต่มากกว่า 90% เลือกที่จะใช้บริการ Outlook.com ต่อไป แต่ทั้งนี้ในปี 2013 ไมโครซอฟท์มีแผนจะเปลี่ยนหน้าจอของผู้ใช้ Hotmail ให้เป็น Outlook.com ทั้งหมด”
       
       นอกเหนือจากการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ และการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งานแล้ว ไมโครซอฟท์ ได้เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น 1-click Archive, เพิ่มช่องทางลัดสู่คีย์บอร์ด ปรับแต่งธีมเพิ่มเติมและพัฒนาการรองรับระบบสัมผัส นอกจากนี้ยังเคารพความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องแลกความเป็นส่วนตัว จึงมั่นใจได้ว่า Outlook.com จะไม่ตรวจสอบเนื้อหาหรือไฟล์แนบของผู้ใช้เพื่อนำไปใช้เพื่อการโฆษณา และที่สำคัญหากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ Windows Phone อยู่แล้วและมี Windows 8 จะสามารถเชื่อมต่อกับทุกๆ สิ่งให้เข้ากันได้ง่ายเข้าไปอีก
       
       นายไบรอัน กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ อัปเกรดเป็น Outlook.com เรียบร้อยแล้ว จะยังสามารถใช้บัญชีอีเมลจาก @hotmail.com, @live.com, หรือ @msn.com ต่อไปได้ หรือ สามารถสมัครบัญชีอีเมลจาก @outlook.com โดยการเพิ่มนามแฝง การเปลี่ยนชื่อหรือการสมัครบัญชีอีเมลใหม่ โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Outlook.com Preview website. แต่หากเป็นใช้บริการอีเมลจาก Gmail อยู่จะสามารถอัปเกรดเป็น Outlook.com ได้ด้วย 5 ขั้นตอนง่ายๆ โดยสามารถอ่านวิธีอัปเกรดได้จาก Outlook blog
       
       Company Relate Link :
       Microsoft

ที่มา: manager.co.th