ตลาดฮาร์ดดิสก์แข่งราคาเดือด ผู้เล่นหน้าใหม่ตัดราคาหวังชิงมาร์เก็ตแชร์ ขณะที่ตลาดเจอปัญหาเครื่องหิ้วจากต่างประเทศเข้ามาดัมพ์ราคา ผู้ประกอบการเร่งกวาดล้าง ล่าสุด "WD" เปิดฮาร์ดดิสก์ รุ่นใหม่ความจุ 2 เทราไบต์ ราคาเหยียบหมื่นบาทตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์สวนกระแสเศรษฐกิจ
นายจิรพงศ์ แก้วกลม ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ WD ผู้ผลิตและจำหน่ายฮาร์ดไดรฟ์รายใหญ่กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดฮาร์ดไดรฟ์ทั้งแบบติดตั้งภายในและภายนอกในประเทศไทยมีการแข่งขันด้านราคาสูงมาก โดยเฉพาะขนาด 500 GB ซึ่งเป็นตลาดแมสในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยเศรษฐกิจทำให้คนมุ่งซื้อสินค้าราคาไม่แพง โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมามีผู้เล่นแบรนด์ใหม่อย่างซัมซุงที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดฮาร์ดดิสก์ ทำให้มีการตัดราคาเสนอสินค้าราคาต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ เกือบทุกรุ่น เพื่อหวังมาร์เก็ตแชร์ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น
ขณะที่ฮาร์ดดิสก์ความจุ 1 เทราไบต์ (TB) ราคาลดลงเหลือประมาณ 4 พันบาท จากช่วงเปิดตัวประมาณหมื่นบาท ส่วนขนาด 2 TB ซึ่ง WD ได้เปิดตัวล่าสุดนั้นราคาเริ่มต้น 8-9 พันบาท คาดว่าระดับราคาจะลดลงและกลายเป็นสินค้าแมสภายในปลายปีนี้ เพราะความต้องการการจัดเก็บข้อมูลในตลาดมีมากขึ้นจากการเกิดของดิจิทัล คอนเทนต์และไฟล์ต่างๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องการฮาร์ดดิสก์มารองรับ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจะชะลอตัว
ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว สำหรับพีซีตั้งโต๊ะในตลาดเครื่องประกอบนั้นอยู่ในสภาวะคงที่ไม่เติบโตสูงมากนัก ขณะที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะคนหันมาใช้โน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊กมากขึ้น
นายจิรพงศ์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการตรวจสอบการลงทะเบียนเพื่อขอรับประกันสินค้า พบว่าปัจจุบันมีผู้นำฮาร์ดดิสก์จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น โดยนำมาเสนอขายในราคาต่ำผ่านทางเว็บไซต์หรือตามร้านค้าทั่วไป เชื่อว่าจะมาจากการขโมยสินค้าจากประเทศต่างๆ มาทำตลาดเพราะราคา WD ในต่างประเทศแพงกว่าเมืองไทย ไม่คุ้มที่จะซื้อมาขาย
"กรณีดังกล่าวบริษัทต้องเข้ามาจัดการและปกป้องการทำตลาดของดิสทริบิวเตอร์เพื่อไม่ให้กระทบกับการทำตลาด จากการที่มีสินค้าเกรย์มาร์เก็ตเข้ามาแย่งตลาด ซึ่งเท่าที่ตรวจดูก็มีอยู่เรื่อยๆ และนอกจากแบรนด์ WD แล้วหลายๆ แบรนด์ก็ประสบปัญหาเดียวกัน"
ด้านนางมาร์การ์เร็ต โค้ ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภาคพื้นเอเชียใต้ WD กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันส่งผลกระทบกับบริษัททั่วโลก รวมถึง WD เช่นกัน โดยบริษัทมีมาตรการรับมือทั้งการลดชั่วโมงการทำงานของพนักงาน การลดจำนวนพนักงาน 5% หรือ 2.5 พันคนจากพนักงานทั้งหมดทั่วโลก รวมถึงการปิดโรงงานในไทย 1 แห่งที่นวนคร และโรงงานในมาเลเซีย รวมถึงการประหยัดงบฯรายจ่ายอื่นๆ เพื่อรับมือกับวิกฤต โดยกระบวนการทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3 นี้
สำหรับตลาดในเมืองไทยเชื่อว่ายังมีการเติบโตเพราะเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีประชาชนจำนวนมาก ดิจิทัลคอนเทนต์มีการเติบโตที่รวดเร็วมาก รวมถึงในชนบทที่ยังไม่มีการใช้พีซีทำให้ตลาดยังสามารถเติบโตได้ในระยะยาว รวมถึงโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ของรัฐบาลที่ยังมีการซื้อพีซี ส่งผลให้มีความต้องการซื้อฮาร์ดดิสก์ในอนาคต ขณะเดียว กันราคาของฮาร์ดดิสก์ที่ไม่แพงทำให้ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกำไรต่อยูนิตลดลง ขณะที่มียอดขายประมาณ 35.5 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 4%
ที่มา:
http://www.matichon.co.th