ไอบีเอ็มเสนอโซลูชันซอฟต์แวร์รับการเติบโตของตลาดอุปกรณ์พกพา และระบบวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลเพื่อช่วยบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที แอปพลิเคชัน และการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มกลุ่มเป้าหมายให้เป็นลูกค้าทั่วไปมากขึ้น นางเจษฎา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดซอฟต์แวร์ในช่วง 6 เดือนแรกว่ายังค่อนข้างเงียบ แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะมีการตอบที่ดีขึ้น ซึ่งในส่วนของไอบีเอ็มยังมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2 หลักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ออกเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชัน และกลุ่มผลิตภัณฑ์มิดเดิลแวร์ เพื่อรับการเติบโตของตลาดต่อไป
“เดิมไอบีเอ็มค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดไอทีอยู่แล้ว จึงค่อยๆ ขยายเพิ่มตลาดในกลุ่มโซลูชันจากการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามารับกับความต้องการในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นไอบีเอ็มต้องยอมรับว่าความสามารถยังไม่ถึง จึงทำให้ในช่วงแรกต้องให้พนักงานจากต่างประเทศเข้ามาช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้า”
ขณะเดียวกัน ไอบีเอ็ม ประเทศไทยได้นำวิสัยทัศน์ของซีอีโอใหญ่ จินนี่ โรแมตตี้ เพื่อเป็นแผนการทำตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศไทย ซึ่งเน้นไปที่ 3 กลุ่มหลัก คือ ตลาดอุปกรณ์พกพาสำหรับลูกค้าองค์กร ระบบวิเคราะห์ข้อมูล และคลาวด์คอมพิวติ้ง พร้อมกับการนำโซลูชันใหม่เข้ามานำเสนอในตลาดรับกับยุคใหม่ของไอบีเอ็ม
“ยุคใหม่ของไอบีเอ็มจะเน้นการทำระบบที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานไอทีมากขึ้น ส่งผลให้สามารถขยายตลาดจากเดิมที่เน้นไปที่กลุ่ม CIO มาเป็นกลุ่ม CMO CFO หรือทางฝั่งทรัพยากรบุคคล ในการนำไอทีเข้าไปใช้งานให้มากขึ้น”
โดยในกลุ่มอุปกรณ์พกพา หลังจากที่ไอบีเอ็มได้ซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ Worklight ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีจากหลายองค์กรใหญ่ในประเทศไทย ที่ต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันเพียงครั้งเดียวแต่สามารถใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์มทั้งไอโอเอส แอนดรอยด์ แบล็กเบอร์รี และวินโดวส์โฟน รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงการใช้งานกับระบบไอทีขององคค์กรด้วย
ขณะที่ในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ผ่านโซลูชัน IBM Nettezza ที่สามารถผสานการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์คอกโนสในการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเร็วขึ้นจากเดิม 10-100 เท่า จากระบบการทำงานรูปแบบเดิม ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมนำไปใช้แล้ว
ส่วนของคลาวด์ ไอบีเอ็มได้นำเสนอโซลูชัน PureData System ช่วยให้องค์กรสามารถเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลมาจัดการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ระบบหลัก คือ การนำอุปกรณ์เพื่อไว้ใช้เก็บข้อมูลก่อนนำไปวิเคราะห์ (PureData System for Transaction) อีกรูปแบบหนึ่งคือระบบเก็บข้อมูลที่สามารถนำฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ได้ทันที (PureData System for Analytics) จากเทคโนโลยี Netezza สุดท้ายคือระบบวิเคราะห์ข้อมูลพร้อมกับการอัปเดตฐานข้อมูลไปพร้อมๆ กัน (PureData System for Operational Analytics)
“แนวโน้มการทำตลาดซอฟต์แวร์ในปีหน้าของไอบีเอ็มยังคงยึดอยู่กับ 3 ผลิตภัณฑ์หลักที่เพิ่งนำเข้าสู่ตลาด ขณะเดียวกันก็จะมีการนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดในอนาคต ซึ่งในต่างประเทศสัดส่วนรายได้จากฝั่งซอฟต์แวร์ของไอบีเอ็มมีมูลค่าสูงกว่าฝั่งฮาร์ดแวร์แล้ว ส่วนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน”
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของไอบีเอ็มมาจาก 3 หน่วยธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจการให้บริการ ธุรกิจฮาร์ดแวร์ และธุรกิจซอฟต์แวร์ ซึ่งในกลุ่มของธุรกิจซอฟต์แวร์ถือว่าเป็นหน่วยที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงจากโซลูชันใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาด รวมถึงการรุกไปในตลาดที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
Company Relate Link :
IBM
ที่มา: manager.co.th