นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (คบท.) และคณะอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียนและบริการประชาชน วานนี้ (24 ก.พ.) ว่า กรณี คณะอนุ กก.รับเรื่องร้องเรียนฯ และผอ.สบท.ถูกบริษัททรูมูฟ จำกัด ยื่นหนังสื่อต่อ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่นั้น ขณะนี้ ยังไม่มีขอสรุปจากที่ประชุมของ คบท.เพราะเนื้อหาตั้งแต่การรับเรื่อง พิจารณาและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไอโฟน 3G มีค่อนข้างมาก
”เชื่อว่าในวันนี้ (25 ก.พ.) ทาง สบท.จะมีความชัดเจน และจะอธิบายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแก่สื่อมวลชน เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน โดยสบท.ไม่มีเจตนาจะแถลงข่าวให้ร้ายหรือ ยกความดีแก่ผู้ให้บริการอื่นแต่อย่างใด เพราะทุกเรื่องได้นำเดินไปตามข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับทางทรูมูฟเองก็มีเจตนาดี ในการเข้ามารับฟังความเห็นตั้งแต่ต้น เพื่อที่จะดำเนินการแก้ไขโปรโมชั่นแพ็คเกจของไอโฟน 3G” ผู้อำนวยการ สบท.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2552 คณะอนุกรรมการรับเรื่องร้องเรียนและบริการประชาชน สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) องค์กรอิสระในกำกับดูแลของ กทช.ได้ประชุมแล้วมีมติชี้ว่า กรณี บริษัททรูมูฟ จำกัด ทำการตลาดขายเครื่องมือถือไอโฟน 3G (iPhone 3G) โดยคิดราคารวมกับค่าบริการโทรคมนาคม เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายมาตรา ได้แก่ เรื่องสัญญาที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการทำธุรกรรมโทรคมนาคม แต่ความจริงเป็นการทำธุรกรรมกับธนาคาร อีกทั้งยังขัดต่อประกาศ กทช.เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม ข้อ 10 ข้อ 15 และ ข้อ 16 เพราะมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยก กีดกัน หรือไม่เป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการ
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า โปรโมชันดังกล่าว ยังขัดกับ พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ในมาตรา 49 และมาตรา 57 ด้วย เนื่องจากรายการส่งเสริมการขายดังกล่าว เป็นสัญญาผูกค่าเครื่อง และค่าบริการ ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องขาดจากทรูมูฟ ต้องจ่ายเงินมากกว่าผู้ที่ซื้อในแพ็คเกจเบสิค และลูกค้าทรูเท่านั้นจึงจะใช้แพ็คเกจเบสิคได้ มีการสร้างเงื่อนไขให้ผู้บริโภคที่ใช้มือถือไอโฟน แล้วต้องใช้บริการของทรูมูฟ ต้องซื้อเครื่องจากทรูเท่านั้น นอกจากนี้การคิดค่าบริการเสียง และข้อมูลในแพ็คเกจซิลเวอร์ก็แตกต่างกันตามรุ่นความจุของไอโฟน ทั้งที่อยู่ในแพคเกจเดียวกัน
รายงานช่าวแจ้งด้วยว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ทางบริษัททรูมูฟ ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจิงต่อเรื่อง
ดังกล่าว และมีการสืนหนังสือมให้ กทช.ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ ผอ.สบท. และคณะอนุกรรมการรับเรื่องฯ เนื่องจากข่าวที่ออกมาเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และความสับสนในหมู่ลูกค้า ประชาชนทั่วไป ความรู้สึกไม่ดีกับการจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์ iPhone 3G ตลอดจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการประกอบธุรกิจของบริษัททรูมูฟอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้อ งและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่มา:
http://www.thairath.co.th
